ฉันเขียนกลอนเปล่า
ไม่ใช่เพื่อเขียนความคิด
เพียงแต่เขียนความรู้สึก
...... จากใจ
กลอนเปล่า(Blank Verse)
ไม่ใช่กลอนที่มีมาแต่ดั้งเดิมของไทย
แต่ได้รับอิทธิพลมาจากกลอนปลอดสัมผัสของตะวันตก(free
verse)ซึ่งจะให้อิสระใน เขียนกลอนสูง ไม่บังคับฉันทลักษณ์หรือสัมผัสแน่นอน
และต้องการเปิดโอกาสให้ ผู้เขียนแสดงความคิด ความรู้สึกในรูปแบบของกลอนได้อย่างเต็มที่
กลอนเปล่า เป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นปัจจุบัน
เพราะความง่ายใน
การแต่งกลอน ไม่ต้องเสียเวลาในการพิจารณาเรื่องสัมผัสต่าง
ๆ ขณะเดียวกันก็มีการ
เปิดโอกาสให้เขียนกลอนเปล่ามาลงตามนิตยสารต่าง
ๆ กันอย่างมากมาย หรือแม้แต่ การประกวดหรือเลือกสรรบทกลอนในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังเปิดรับผลงานที่เป็น
กลอนเปล่าได้ ทำให้การเขียนกลอนเปล่าเป็นที่แพร่หลาย
ขณะที่ความนิยมใน การแต่งกลอนแบบเดิมของไทยก็เริ่มลดน้อยถอยลงไปเป็นลำดับ
กลอนไทยเป็นส่วนหนึ่งของคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองซึ่งมีอยู่มาก
มายหลายรูปแบบ
แม้ว่าจะมีการบังคับฉันทลักษณ์น้อยที่สุดในบรรดาร้อยกรอง
ทั้งหมด
แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
เพราะลักษณะของบทกลอนที่คงไว้ซึ่ง รูปแบบกฎเกณฑ์อันเหมาะสม
แต่สวนทางกับนิสัยของหมู่วัยรุ่นที่ชอบความง่าย ความรวดเร็ว ไม่ชอบการถูกบังคับให้ต้องทำอย่างนี้อย่างโน้น
ทำให้เกิดความรู้สึก เบื่อที่จะแต่งกลอนตามแบบเดิม ๆ ของไทย ประกอบกับแนวคิดที่ว่า
กลอนไทยเป็น ภาพลักษณ์ของความ เก่าแก่และไม่ทันสมัย
ขณะที่กลอนเปล่าเป็นภาพลักษณ์ของ ความทันสมัยและสื่อความรู้สึกได้มากกว่า
จึงส่งผลให้กลอนเปล่าอยู่กลอนไทยด้วย ประการฉะนี้
แต่แท้จริงแล้ว
หากเรามองลึกลงไปกลอนไทยนั้นเป็นการฝึกให้
ผู้แต่งกลอนมีระเบียบในการเขียน
อีกทั้งกลอนไทยยังมีการรูปแบบการบังคับสัมผัส
ที่มีความไพเราะและลงตัวในบทกลอน
เพราะมีการจัดวางแบ่งวรรคและสัมผัสไว้
อย่างสละสลวย ให้ได้ทั้งเสียงและจังหวะที่งดงามประดุจฟังเสียงดนตรีทีเดียว
ดูอย่างง่าย ๆ ว่า คำที่ลงท้ายในแต่ละวรรคของกลอนแปด จะมีเสียงที่ต่างกัน
ทำให้
บทกลอนมีน้ำเสียงสูงต่ำที่เหมาะสม
โดยไม่ต้องพึ่งทำนองประกอบแต่อย่างใด เมื่อใดที่อ่านกลอนไทย แม้อ่านด้วยน้ำเสียงปกติ
จึงรู้สึกได้ถึงความไพเราะ ผู้ที่เริ่ม เขียนกลอนเปล่า
แล้วมาหัดเขียนกลอนไทยนั้น ย่อมรู้สึกว่าเขียนยาก นั่นเพราะเขา
ขาดระเบียบในการเขียนไปตั้งแต่ต้นแล้ว
ที่เขียนอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะมาบังคับไม่ให้เขียนกลอนเปล่าแต่อย่างใด
หากแต่วิงวอนขอร้องให้พวกเรารู้รักษาคุณค่าของการเขียนกลอนแบบไทย
ๆ ไว้บ้าง
เมื่อ 20-30 ปีก่อน
นักกลอนระดับนักศึกษาทั่วไปสามารถว่ากลอนสดประชันกันได้
ว่าโคลงกันเป็น
เดี๋ยวนี้ อย่างเก่ง ก็เขียนกลอนส่งประกวดหาเงินให้ตัวเองเท่านั้น
และอีกอย่างหนึ่ง
บรรดาผู้เพิ่งหัดเขียนกลอนหรือที่ชอบเขียนกลอนเป็นงานอดิเรก ทั้งหลาย ก็มักจะละเลยฉันทลักษณ์กันเสียมาก
เขียนผิดเขียนถูกบ้าง จนไม่รู้ว่าอะไร
คือ รูปแบบที่ถูกต้อง
ถ้าเขียนไว้อ่านเองยังพอว่า
แต่ถ้าเอามาให้คนอื่นอ่าน เห็นจะ ไม่ไหว เราอาจจะเคยเห็นบทกลอนของกวีผู้มีชื่อเสียง
เขียนผิดรูปแบบแนวทางเดิม อยากบอกให้รู้ว่า พวกเขาเหล่านั้น เป็นผู้ใหญ่ในเชิงกาพย์กลอนแล้ว
สามารถมีเสรี ทางความคิด อยู่เหนือขอบเขตของฉันทลักษณ์เดิม ๆได้
ขณะที่พวกเรานั้นเสมือน เด็กเพิ่งหัดเดิน หากริเดินยักย้ายซ้ายขวาแต่เริ่ม
ก็ยากที่จะเดินเป็น
ตั้งแต่โบราณมา เรามีกลอนหลายรูปแบบ
ทั้งกลอนแปด กลอนสร้อย
กลอนสักวา ซึ่งไม่ยากเลยที่แต่งกลอนเหล่านี้
หากเรามีความพยายามและมีใจรัก ถ้าพวกเราร่วมมือช่วยกันก็จะเป็นการช่วยรักษารูปแบบร้อยกรองของไทยไว้ไม่ให้
สูญหายไป
เขียนกลอนไทยไม่ยากหากอยากเขียน
เพียงใจเพียรเขียนไปไม่หน่ายหนี
วางสัมผัสถูกต้องคล้องจองดี
เขียนอย่างนี้เล่นเล่นก็เป็นกลอน