ฮิโรชิมารำลึก (5)

ในที่สุดประธานาธิบดีทรูแมนก็ได้เอ่ยวาจาอันเป็นการประกาศิตชะตาของเมืองฮิโรชิมา นั่นคือ “ทิ้งระเบิด” (Drop the bomb.) และคำพูดประโยคนี้ถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเข้าสู่ยุคนิวเคลียร์อย่างเต็มตัว

ห้องปฏิบัติการที่ลอสอลาโมสนั้นเป็นห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ มีนักวิทยาศาสตร์ราว 100 คน แต่ละคนล้วนเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่ถูกดึงตัวมาจากหน่วยงานต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ จากมหาวิทยาลัยมินเนสโซตา วิสคอนซิน อิลลินอยส์ ชิคาโก ปรินซ์ตัน โคลัมเบีย โรเชสเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูสเซตส์ ฯลฯ ที่มาจากหน่วยงานเอกชนก็มี อาทิ จากห้องปฏิบัติการวิจัยของเวสติงเฮาส์ ฯลฯ ส่วนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆส่วนมากก็ระดมมาจากสถาบันต่างๆนั่นเอง เมื่อสงครามยุติ โครงการวายนี้มีเจ้าหน้าที่ในโครงการถึง 5,000 คนทีเดียว

เครื่องคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็มที่มีส่วนช่วยในงานคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์ ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เท่าห้องในยุคนั้นยังไม่เทียบเท่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ตามบ้านในปัจจุบันด้วยซ้ำ

อุปกรณ์สำคัญประเภทหนึ่งที่ใช้ในการทำงานคือเครื่องคำนวณ ในการคำนวณแบบจำลองของปฏิกิริยานิวเคลียร์ รวมทั้งการออกแบบอาวุธนิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้การคำนวณชั้นสูงทั้งสิ้น ซึ่งอุปกรณ์ที่มีอยู่ในสมัยนั้นมีเพียงแค่เครื่องคิดเลขตั้งโต๊ะแบบง่ายๆ ส่วนงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนั้นยังต้องต้องใช้ไม้บรรทัดคำนวณ (slide rule เป็นอุปกรณ์ในการคำนวณในยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์หรือเครื่องคิดเลขแบบวิทยาศาสตร์ สำหรับในบ้านเรานั้นผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีจึงจะเคยได้ใช้ไม้บรรทัดคำนวณชนิดนี้) ช่วย แต่ต่อมามีการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการคำนวณด้วย คอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นยังเป็นเพียงยุคเริ่มต้นและใช้กันไม่แพร่หลายเพราะมีราคาสูงมาก คงใช้แต่ในงานสำคัญเท่านั้น อย่างเช่นในประเทศอังกฤษก็มีการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการคำนวณถอดรหัสลับของฝ่ายอักษะ

ในปี ค.ศ. 1944 สถานการณ์สงครามโลกคลี่คลายไปมาก ฝ่ายอักษะเริ่มปรากฏลางแพ้เมื่อกองทัพของฝ่ายพันธมิตรบุกอย่างหนัก อิตาลีปราชัยต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศต่างๆที่เคยถูกฝ่ายอักษะยึดครองเอาไว้ก็ทยอยได้รับการปลดปล่อย จนในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ฝ่ายพันธมิตรก็ได้รับชัยชนะต่อเยอรมนีอย่างเด็ดขาด โดยกองทัพรัสเซียซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้เข้ายึดครองกรุงเบอร์ลินได้ และฮิตเลอร์ฆ่าตัวตาย และในเดือนเดียวกันนั้นเอง ประธานาธิบดีรูสเวลต์ก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต ทำให้แฮร์รี ทรูแมน (Harry Truman) รองประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทน

แฮร์รี ทรูแมน ประธานาธิบดี
สหรัฐอเมริกาผู้ตัดสินใจสั่งให
ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มญี่ปุ่น

ในขณะเดียวกัน การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ก็คืบหน้าไปมาก ใกล้ประสบผลสำเร็จแล้ว แต่สหรัฐอเมริกาเองก็หวังว่าจะไม่ต้องใช้มัน แม้ไฟสงครามในยุโรปจะสงบลงแล้ว แต่ในเอเชียยังไม่สงบตามเพราะประเทศญี่ปุ่นไม่ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร แม้ฝ่ายสัมพันธมิตรจะระดมโจมตีญี่ปุ่นอย่างหนัก ใช้เครื่องบินบี-29 หลายร้อยลำทิ้งระเบิดถล่มที่หมายสำคัญอย่างต่อเนื่องจนได้รับความเสียหายย่อยยับ แต่ถึงกระนั้นญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมจำนนอยู่ดี ซ้ำยังใช้ฝูงนักบินคามิกาเซที่ไม่เกรงกลัวต่อความตายขับเครื่องบินพุ่งชนเรือบรรทุกเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างชนิดยอมตายด้วยกัน (แต่บางคนก็ว่าเหตุที่นักบินเหล่านี้ยอมตายเพราะถูกล่ามติดไว้กับเก้าอี้นักบิน ถึงอย่างไรก็ต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว) ก็ยิ่งสร้างความครั่นคร้ามแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร เพราะกว่าจะทำให้ญี่ปุ่นยอมจำนนได้ฝ่ายสัมพันธมิตรเองก็คงต้องจ่ายค่าตอบแทนอันมหาศาล เพราะมันหมายถึงชีวิตของเหล่าทหาร

ตอนรุ่งสางของวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยังไม่สามารถเผด็จศึกญี่ปุ่นได้ เหล่านักวิทยาศาสตร์ในโครงการแมนแฮตตันก็ได้ทำการทดลองระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกทางตอนเหนือของรัฐนิวเม็กซิโก ระเบิดปรมาณูนี้มีชื่อว่า “แกดเจต” (Gadget) มีแรงระเบิดขนาด 20 กิโลตันหรือเทียบเท่ากับดินระเบิดทีเอ็นทีถึง 20,000 ตัน พลานุภาพของมันมหาศาลอย่างที่คนในยุคนั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน การระเบิดในครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดควันรูปดอกเห็ดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 10 กิโลเมตร และแสงสว่างอันเจิดจ้าถึงขนาดที่คนตาบอดซึ่งอยู่ห่างไปร่วม 200 กม. ก็ยังสามารถรับรู้ถึงแสงสว่างจากการระเบิดได้ หลังการระเบิด พื้นดินบริเวณจุดระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดมหึมาและเต็มไปด้วยผลึกสีเขียวแวววาวอันเกิดจากทรายในบริเวณนั้นถูกความร้อนและหลอมละลายกลายเป็นแก้ว

แกดเจต ระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ทดลองที่อลาโมกอร์โดในรัฐนิวเม็กซิโก

เมื่อการทดลองประสบผลสำเร็จ สหรัฐอเมริกาจึงเตรียมที่จะใช้อาวุธมหาประลัยนี้เผด็จศึกญี่ปุ่น โดย 3 ผู้นำของชาติพันธมิตร อันได้แก่ ประธานาธิบดีทรูแมนแห่งสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลแห่งอังกฤษ และสตาลินแห่งสหภาพโซเวียตได้ประชุมกันที่เยอรมนีและได้ยื่นคำขาดให้ญี่ปุ่นยอมจำนน แต่ญี่ปุ่นไม่สนใจ ฝ่ายพันธมิตรจึงตัดสินใจใช้วิธีการขั้นเด็ดขาด ผู้ที่ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้คือแฮร์รี ทรูแมน ประธานาธิบดีขัดตาทัพอดีตพ่อค้าขายผ้า เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ครอบครองระเบิดปรมาณู จากการพิจารณาท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนในชาติบางส่วนที่เคร่งในศีลธรรม ในที่สุดประธานาธิบดีทรูแมนก็ได้เอ่ยวาจาอันเป็นการประกาศิตชะตาของเมืองฮิโรชิมา นั่นคือ “ทิ้งระเบิด” (Drop the bomb.) และคำพูดประโยคนี้ถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเข้าสู่ยุคนิวเคลียร์อย่างเต็มตัว

นายทหารกำลังบรรยายสรุป
ภารกิจทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฐานทัพ

และแล้ว ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เครื่องบินบี-29 ของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่าเอนอลา เกย์ (Enola Gay) ก็ได้ปฏิบัติภารกิจประวัติศาสตร์ นั่นคือการนำระเบิดปรมาณูไปถล่มเมืองฮิโรชิมา ระเบิดปรมาณูลูกนี้มีชื่อว่า “เด็กน้อย” (Little Boy) มีแรงระเบิดขนาด 15 กิโลตันหรือเทียบเท่ากับดินระเบิดทีเอ็นที 15,000 ตัน ซึ่งปริมาณระเบิดขนาดนี้หากใช้รถบรรทุก (รถสิบล้อ) ขนก็ต้องขนราว 750 เที่ยว

เอนอลา เกย์ เครื่องบินบี-29 กำลัง
บรรทุก “เด็กน้อย” ออกจากฐานทัพ
เส้นทางการบินของ
เอนอลา เกย์ มุ่งสู่
เมืองฮิโรชิมา
“เด็กน้อย” ระเบิดปรมาณู
ที่ใช้ในการสงครามลูกแรก
ของโลก

(โปรดติดตามตอนจบพร้อมภาพประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยากในตอนที่ 6)