HoW Much ?
พักนี้ใน BluePlanet มีแต่เรื่องชวนปวดหัวและน่าเบื่อ สังเกตุได้จากบรรดาเซียนกล้องทั้งหลาย ปลีกตัวมาเล่าเรื่องโจ๊กแทน ผมขอเล่าต่อเป็นเรื่องที่ ๓ ต่อจาก ท่าน เฒ่าทารก และพี่แปะยิ้งเลย และคงจะมีมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ How Much คือชื่อเรื่องนะ ไม่รู้ว่าเคยได้ยินกันมาบ้างหรือป่าว เรื่องนี้เป็นที่เล่าขานกันมาเห็นว่าน่ารักดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
ฝรั่งนายหนึ่งไปเที่ยวเชียงใหม่ มีเวลาว่างก้อเดินไปช้อปปิ้งเลือกซื้อของกินของใช้ได้ของมากมาย ระหว่างที่เลือกซื้อของก้อต้องถามราคากันไปตามสไตล์ แต่พี่แกพูดไทยไม่ได้ก้อเลยพูดภาษาอังกฤษซะ เพราะถึงอย่างไรเชียงใหม่ก้อเป็นเมืองท่องเที่ยว ยังงั้ย ยังไง ก้อต้องมีแม่คำ ฟุดฟิดฟอไฟได้บ้างแหละ เจอเครื่องเงินสวย ๆ ก้อเดินลุยเข้าไปถาม " How Much ?" เจองานไม้สวย ๆ ก้อถาม " How Much ?" เจออะไรสวย ๆ ก้อ " How Much ?" ไปหมด รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ได้ของถูกบ้าง แพงบ้าง สลับกันไปตามประสา ช้อปปิ้งจนเหนื่อยอยากได้อะไรมาทาน รองท้องสักหน่อย ( รองท้องนะ ม่ายช่าย รองเท้า ) เหะ เหะ หันซ้ายหันขวา ( แล้วก้อม่ายช่ายฝาอีก ) เหะ เหะ พลันสายตาก้อไปสะดุดเข้ากับไอ้หนูหน้าตาบ้องแบ๊ว ( เด็กคนนั้นงัย พี่แปะยิ้ง พี่ ทอม ครุฒ ท่านเฒ่าทารก จำได้มั้ย ) นั่งหน้าเป๋อขายข้าวต้มมัดอยู่ ( คนใต้เขาเรียกว่า ข้าวเหนียวห่อกล้วย ) เหะ เหะ พ่อฝรั่งคนนี้ก้อม่ายรู้หรอกว่าไอ้หนูคนนี้ขายอาราย แต่เดาว่าคงกินได้และสนใจเรื่องลองชิมอาหารแปลก ๆ อยู่เสมอ ก้อเลยย่างสามขุมเข้าไปหา ( ฝรั่งย่างสามขุมคงแปลกน่าดู ) เหะ เหะ ถามว่าราคาข้าวต้มมัด ( ข้าวเหนียวห่อกล้วย ) ที่ไอ้หนูขายอยู่ " How Much ? " ไอ้หนูมองหน้าฝรั่งแบบ งง งง ก่อนตอบเป็นภาษาไทยที่ฝรั่งฟังม่ายรู้เรื่องว่า " เฮาบ่ได้มัด แม่เฮามัดให้เฮามาขายอ่ะ........"
เรื่องของเสือภูเขา
เหะ เหะ เรย์มอนด์ ( นามแฝง ) ฝรั่งรูปหล่อขวัญใจสมาชิกชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ขี่จักรยานเสือภูเขาไปเที่ยวปางสีดา จ. สระแก้ว กับสมาชิกชมรมหลายสิบคน เรย์มอนด์เป็นคนน่ารักพูดไทยไม่ชัด แต่ขยัน ฝึกหัด จดจำ จนพอพูดได้รู้เรื่อง คืนแรกที่ปางสีดา หัวหน้าอุทยานบรรยายสรุปเรื่องเกี่ยวกับป่าปางสีดาให้สมาชิกชมรมฯ ฟัง ว่าป่านี้มีสัตว์มากทั้งหมี กระทิง เสือ เรย์มอนด์หันมาถามเพื่อน " เมืองไทยมีเสื้อ เสื้อเป็นอย่างไร "
" ไม่ใช่เสื้อ เสือต่างหาก Tiger น่ะ "
" ที่นี่มี Tiger ด้วยหรือ Tiger เรียกว่าอะไรนะ "
" เสือ " คืนนั้น เรย์มอนด์ ได้ภาษาไทยใหม่ไปหลายคำคือ " เสือ เสื่อ เสื้อ " แต่เรย์มอนด์ดูจะตื่นเต้นมากกว่า ที่ได้ยินว่าป่าปางสีดามีเสือ เพราะพี่แกไล่ถามชาวบ้านไปทั่วว่า ที่นี่มีเสือด้วยหรือ เช้าวันรุ่งขึ้นมีโปรแกรมขี่จักรยานไปบนจุดชมวิว กม. ๒๕ สมาชิกบางคนและเรย์มอนด์ ก็ปั่นจักรยานเสือภูเขาขึ้นไปได้สัก ๖ กม. ก็มีช่วงลงเขา เรย์มอนด์และเพื่อนอีก ๒ คน ปล่อยรถให้ไหล Downhill ลงมาเป็นกลุ่มแรกด้วยความเร็วพอสมควร แต่ทันทีที่พ้นโค้ง เสือภูเขาทั้ง ๓ คัน ก็เบรกกันตัวโก่งเพราะข้างหน้ามีเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่เดินส่ายก้น อาดๆ อยู่กลางทางห่างไปไม่กี่กิโล เสือภูเขา ๒ คัน หันรถกลับพร้อมปั่นหนี แต่เรย์มอนด์ยังง เสือโคร่งตัวใหญ่หันมาเห็นคนยืนอยู่ในระยะกระชั้นก็ตกใจเผ่นแผล็วเข้าป่าไป เพื่อนเรย์มอนด์ ๒ คน หายตกใจและตั้งหลักได้ หันมามองหน้าเรย์มอนด์ งง ๆ ว่าทำไมไม่หนี แต่เรย์มอนด์กลับถามเพื่อนว่า " นั่นเสื้อใช่มั้ย "
เล่นกล้อง
คุณ บี ( ขอสงวนนามจริง ) ชื่อนี้ฟังแล้วเสียวโว้ย ทำงานอยู่การท่าเรือฯ เป็นคนชอบเที่ยว รักป่า ถึงกับลงทุนหาซื้อรถ Off Road คันเก่งมาใช้เข้าป่าร่วมกับเพื่อน ๆ คอเดียวกันซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เข้าป่าบ่อย ๆ ก้อชักอยากจะถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจไว้ชื่นชมบ้าง ก้อไปปรึกษาคนโน้น คนนี้ ที่มีความรู้เรื่องกล้อง ว่าจะใช้ยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร เลนส์อะไร เพื่อจะได้ถ่ายออกมาแล้วสวย ( น่าจะมาปรึกษาที่ BluePlanet นะมีคนเก่งๆเยอะ ) ซึ่งคุณ บีก้อสมอยาก เพราะหลังจากคิดสะระตะจากคำเตือน ( เอ้ยม่ายช่ายอ่ะ ) คำปรึกษาต่างหาก จากผู้รู้ทั้งหลาย ก้อเสียกะตังไปหลายอัฐ ได้กล้องและเลนส์มาครอบครองสมใจ ได้มาแล้วก้อต้องลองฝีมือกันหน่อย ประจวบเหมาะกับพรรคพวกที่ทำงานจะไป Off Road เข้าน้ำตกทีลอซูกัน คุณ บี เลยขอร่วมคณะไปด้วย ถึงอุ้มผางแต่ไม่ได้เข้าทีลอซู เพราะถนนขาด รถยนต์เข้าไม่ได้ คุณ บีและพรรคพวกเลยขับรถเที่ยวรอบๆ อ. อุ้มผาง แถวๆดอยหัวหมด น้ำตกทีลอจ่อแทน คุณ บี สนุกสนานกับการถ่ายภาพเพลิน พอกล้องโชว์ว่าถ่ายภาพถึงภาพที่ ๓๖ แล้ว คุณ บีก้อเดิน ไปถามคนเล่นกล้องซึ่งไปด้วยกัน
" เอ่อ......รูปผมถึง ๓๖ แล้ว ยังถ่ายได้อีกหรือป่าว ??? "
" ถ้ายังขึ้นก้านฟิล์มได้ก้อยังถ่ายได้ แต่ได้สัก ๓๘ ภาพ ก่อเต็มที่แล้วอ่ะ "
คุณ บีเอากล้องไปถ่ายต่อ ยิงไป ๓ เฟรม ก่อเดินมาถามอีก
" นี่มันรูปที่ ๓๙ แล้ว ยังไม่หมดอีกเหรอ "
เพื่อนชักแปลกใจจึงตอบไปตามตรง
" มี ๒ กรณี คือฟิล์มขาด กับ โหลดฟิล์มไม่เข้า ลองเปิดฝาหลังดูแล้วกันนะ "
" โอเคคับ " คุณ บียอมทำตามคำตอบของมือโปร
พอเปิดฝาหลังออกดู คุณ บีแทบจะร้องไห้ แต่คนเปิดกัดลิ้น กลั้นหัวเราะแทบตาย ( เอิ๊ก เอิ๊ก อุบส์ )
!!!! กล้องไม่มีฟิล์ม !!!!
คุณ บีพูดเสียงอ่อยๆแบบโดนกัด " ผมเล่นกล้อง แต่ผมไม่เล่นฟิล์มอ่ะคับ "
ช้างร้อง ?
คุณป๊อก และคุณปิ๊ก และผองเพื่อนเดินทางไปท่องเที่ยวที่ อช. น้ำหนาว เสร็จแล้วก้อเลยถือโอกาสแฉลบเข้าไปเที่ยวน้ำตกตาดหมอก ในเขต อช.ตาดหมอก ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน โดยมีพยาบาลสาว ( สวย มั้ย ? ) จาก รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. ๓ คน นั่งรถเข้าไปเที่ยวด้วย พอไปถึงน้ำตก คุณป๊อก อยากได้มุมถ่ายภาพที่เห็นน้ำตกกว้างใหญ่ จึงแบกกล้องลุยดงปีนขึ้นเขาไป ส่วนคุณปิ๊กและ ๓ พยาบาลสาว( สวย มั้ย ? ) นั่งรออยู่ข้างล่าง ไม่ถึง ๑๐ นาที คุณป๊อกวิ่งหน้าตื่นลงมา พร้อมสูดปากซี้ด ๆ
" ปิ๊ก สงสัยผมจะเจอช้างร้องว่ะ " พูดพลางเอามือขวาเกามือซ้ายแกรก ๆ
" อย่าเอามือลูบนะพี่ เดี๋ยวจะคันไปใหญ่ " คุณปิ๊กบอกด้วยความเป็นห่วง แต่คุณทิม ๑ ใน ๓ พยาบาลสาว ( สวย มั้ย ? ) เป็นห่วงกว่า
" เจอที่ไหนคะ "
" ข้างบนโน่น " คุณ ป๊อกตอบ
" ได้ยินเสียงเลยเหรอ ป่านี้มีช้างด้วยเหรอ แล้วทำไมทิมไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ คุณป๊อกกะคุณปิ๊กได้ยินเท่านี้ก้อกลั้นหัวเราะแทบแย่ เพราะที่คุณ ป๊อกพูดถึงน่ะ " มันคือต้นหันช้างร้อง " ที่ใครโดนใบเป็นต้องปวดแสบปวดร้อน แม้แต่ช้างยังร้องเลย แต่ความที่คุณป๊อกกะคุณปิ๊กสื่อสารกันกำกวม ต่อผู้อื่นมากไปหน่อย ๓ พยาบาลสาว ( สวย มั้ย ? )ก้อเลยเข้าใจผิดคิดว่าเจอช้างเป็น ๆ จึงวิ่งหน้าตื่นลงมา
บทเสริม โดยคุณ :Sian
ส่วนผมเอง ไม่เคยโดนหรอกครับ แต่คนข้างผมน่ะสิครับ เอามือไปจับเล่นอ่ะ คันข้ามคืนเลยอ่ะ
ไปโดนที่น้ำตกกระเตงเจง กาญจนบุรีครับ ที่นั่นมีเยอะเหมือนกันครับ ถ้าเพื่อน ๆ เจอ ก็ระวังนะครับ
ถ้าโดนบนใบจะไม่เป็นไร แต่อย่าไปถูกใต้ใบนะครับ เพราะว่ามีขนใต้ใบทำให้คันยิบ ๆ มากเลยครับ
แล้วก็อย่างที่พี่แปะยิ้งบอกครับ ถ้าทำได้พยายามอย่าเกาครับ แต่น่าเห็นใจผู้ที่ถูกนะครับ
อ้อลืมอ่ะ เอริ๊ก ๆ ๆ ๆ
ผักเฮาดี !!
คุณ อั๋น นักคิดนักเขียนและนักเดินทางตัวยง เดินทางไปทำธุระ จ.เชียงราย ธุระของคุณ อั๋นใช้เวลาหลายวัน ต้องมีเสบียงติดรถเข้าไปด้วย คุณ อั๋นจึงขับรถไปในตลาด เพื่อหาซื้อเสบียง ขับวนไปวนมาไปหาที่จอดต่อท้ายปิคอัพขนกะหล่ำ ปลีคันหนึ่ง บรรทุกซะแหนบแอ่น คงจะไปขายที่ไหนสักแห่ง ล็อครถเสร็จคุณ อั๋น ก้อเดินเข้าตลาด แต่เจ้ากรรม สายตาบังเอิญไปเห็นเจ้าของรถปิคอัพเดินกลับมาไขกุญแจจะขึ้นรถ ในมือเขามีพืชผักผลไม้เต็มไปหมดรวมทั้งกะหล่ำปลี ๔-๕ หัว
คุณ อั๋น เป็นยอดนักคิด พอเห็นอย่างนี้เก็บความสงสัยไม่ไหวเดินปราดเข้าไปคุย แล้วหลอกถาม " ซื้อผักไปไหนเยอะแยะเชียว "คุณ อั๋น ส่งภาษาซาวน์ดแทรคคำเมืองออกไป
" เอาไปกิน " ตอบแบบไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ อย่างนี้ม้งชัวร์
" ทำไมซื้อกะหล่ำปลีไปด้วยล่ะ ปลูกกะหล่ำเองทำไมต้องซื้อให้เปลืองตัง "
คุณ อั๋น พูดพลางชี้มือไปที่ท้ายปิคอัพ
" ไม่กิน เฮาฉีดยาฆ่าแมลงไว้ ซื้อกินเอาดีกว่า "
ม้งตอบตรง ๆ เล่นเอาคุณอั๋นอึ้งไปเลย
แต่คุณอั๋นไม่ยอมแพ้
" อ้าวฉีดยาไว้ แล้วเอาไปขาย ไม่กลัวคนที่ซื้อไปกินจะตายเหรอ "
คุณ อั๋น ถามม้งต่อ ม้งก้อตอบแบบซื่อสุด ๆ เหมือนกัน
" ไม่ตายหรอก ยาของเฮาดี กินแล้ว บ่ต๋าย "
" แล้วทำไมถึงไม่กินเองว่ะ " คุณ อั๋นคิดในใจ แล้วตัดความคิดจะซื้อกะหล่ำปลี ไปเป็นเสบียงทิ้งไปจากสมอง
" แล้วทำไมมึงไม่กินเองว่ะ "