จะอยู่อย่างไรเมื่อตกงาน
 
                   ในยามนี้คงต้องร้องเพลง รักยามจน รำพึงกับตัวเองไว้บ่อยๆเพื่อเตือนสติตัวเองไม่ให้เครียดไปกับสังคมยุคนี้ ในชีวิตคนเราการมีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ก่อนย่อมทำให้มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเราก็ตาม สิ่งแรกที่เราคงต้องทำก็คือการปรับตัว ต้องรับรู้อย่างมีสติและสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยปราศจากความวิตกกังวลมากจนเกินพอดี ตามหลักพุทธศาสนาน่าจะตรงกับคำว่า
อุเบกขา คือ การวางเฉย ปล่อยวางไม่ยึดติดว่า ทุกข์ หรือ สุข เพียงแต่เรารับรู้ว่าทุกข์หรือสุข อยู่ในขณะนี้ก็เพียงพอแก่การ
ดำรงชีวิตประจำวันที่ดีแล้ว อย่างเช่นสังคมในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เราคงต้องยอมรับสภาพเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด และไม่ใช่สะเก็ดธรรมดาๆ   แต่เป็นสะเก็ดแห้งเชียวละ ในยามที่ประเทศยากจนประชาชนแทบคลั่ง เมื่อเรารับรู้และยอมรับ เราก็ควรปรับตัวว่าจะอยู่อย่างไรในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ต่อไปนี้ชีวิตประจำวันเราจะต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง กรณีที่ถูกเชิญให้ออกจากงาน หรือพูดง่ายๆว่า ตกงาน ก็จะยิ่งต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วง ในการปรับใจปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ ประเด็นสำคัญคือเราต้องพยายาม มองหาข้อดีของการตกงานเพื่อหาความสุขกับชีวิตช่วงตกงานให้ได้เพื่อว่าวันข้างหน้าเมื่อถึง ยุคเศรษฐกิจดี
ีประเทศมั่นคงประชาชนมั่งคั่ง เราจะได้เป็นผู้ถึงพร้อมที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข มิใช่กว่าจะถึงวันนั้นที่รอคอย เรากลับไปนั่งกอดเข่าพูดคนเดียว ยิ้มคนเดียว เป็นคนไข้ประจำอยู่ในโรงพยาบาลที่บำบัดรักษาคนไข้โรคจิตไปเสียก่อน
การมองหาข้อดีของการตกงานมีมากมายหลายประการ หากเราจะพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วนและหากจะมองอย่างง่ายๆก็จะสามารถมองเห็นได้ เช่น
    • การมีชีวิตที่มีอิสระเสรีเหนืออื่นใด เป็นชีวิตที่ไร้นายไร้ผู้บังคับบัญชา มีความเป็นตัวของตัวเองเป็นนายของตนเอง
    • การมีชีวิตอิสระไม่ต้องแข่งขันกับเวลา ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้ามืด ตัดใจจากหมอน เพื่อรีบออกจากบ้านก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับเข้าบ้านหลังพระอาทิตย์ตก
    • การมีเวลาให้กับสมาชิกในครอบครัว อาจเป็นพ่อแม่ผู้อยู่ในวัยสูงอายุ ที่เราไม่เคยมีเวลาดูแลปรนนิบัติท่านมานานแสนนานเพราะงานรัดตัว หรืออาจเป็นการมีเวลาอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนเพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการเด็กและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน เพื่อให้เขาพัฒนาไปเป็นเด็กรักการอ่านใส่ใจการเรียนเติบโตต่อไปเป็นเด็กที่ดี หรืออาจเป็นการมีเวลาให้กับคนใกล้ชิดคือคู่ชีวิตของเรามากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ
    • การมีเวลาให้กับตนเอง ได้มีเวลาทำในสิ่งที่แทบจะไม่มีเวลาให้เลย ตลอดชีวิตการทำงานก็คือการออกกำลังกายเพื่อซ่อมบำรุงตัวเองให้กระฉับกระเฉง เหมาะสมกับวัยอันควรอยู่เสมอ

                    จะเห็นได้ว่าเพียงเหตุผลง่ายๆ 3-4 ประการเท่านี้ ก็น่าจะทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตตนเองมากพอ สำหรับการต่อสู้กับชีวิตในช่วงวิกฤตตกงานขาดรายได้ ให้มีชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาพจิตดี มีคุณภาพไม่ไร้คุณค่า ไม่ไร้ความหมาย เพราะเราเล็งเห็นความมีคุณค่าและความหมายในตัวเราเองนั่นเอง