เมื่อวันก่อนนั่งรถไฟกลับมาจากบ้านก็ได้คุยกับนักศึกษาคนหนึ่งที่เป็นคนบ้านเดียวกันแต่ขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพ
ก็คุยกันหลายเรื่องครับตอนแรกก็คุยกันเรื่องความเป็นอยู่ทั่วๆไปอยู่ที่บ้านทำอะไรกลับมาทำอะไรที่บ้าน
ที่บ้านทำอะไร ชีวิตการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง สุดท้ายก่อนที่การคุยจะปิดฉากลงเพราะความดึกและแต่ละคนก็
ง่วงนอนก็คุยกันลามปามมาจนถึงเรื่องการเมือง ดูๆท่าหนุ่มคนนี้จะเป็นคนชาตินิยมมากเลยทีเดียวในตอนที่คุย
มาถึงเรื่องของรัฐบาลในยุคต่างๆจนถึงรัฐบาลชุดที่กำลังจะหมดว่าระไปกู้หนี้จากต่างประเทศ หนุ่มคนนี้เขา
บอกว่าตอนนี้ประเทศไทยของเราไม่เหลืออะไรไว้เป็นของเราแล้ว ตอนนี้เราทุกคนก็เป็นหนี้ฝรั่ง กิจการรัฐวิสาหกิจ
ธนาคารของคนไทยฝรั่งก็เข้ามาซื้อกิจการซะแล้ว แล้วมีอะไรผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็เดินตามก้นฝรั่ง
อีกมากครับที่เขาพร่ามออกมา ถ้าฟังดูเผินๆก็น่าชื่นใจนะครับที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังสำคัญของ
ชาติในอนาคตคิดได้อย่างนี้ ถ้าต่อไปมีคนอย่างนี้ในชาติเยอะประเทศเราก็คงจะดีกว่าทุกวันนี้
แต่เมื่อผมมองการ
แต่งกายของไอ้หนุ่มคนนี้อย่างพินิจพิจรณาความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเพราะอะไรบางคนอาจสงสัย
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าไอ้หนุ่มคนที่บอกว่าชาตินิยมจ๋าทุกอยางต้องประชาไทยนิยม แต่ดูการแต่งตัวของมันซิ
ตั้งแต่หมวกแก๊บยี่ห้อฝรั่งที่พวกขับโฟร์วีลชอบใส่กัน รวมทั้งเสื้อยีนส์ยี่ห้อยีของอเมริกา กางเกงยีนส์ที่ป้ายบอก
ว่า เมด อิน ไอ้กัน จนมาถึงรองเท้า ทุกอย่างในสารพางค์กายของมันรู้สึกว่าจะเป็นของอิมพอร์หมด
แม้แต่บุหรี่ที่จะมอบมะเร็งให้กับปอดของมันในอนาคด ก็ยังเป็นยี่ห้อฝรั่ง
ทีนี้รู้หรือยังละครับว่าทำไมตอนนี้ประเทศชาติเราถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะมีคนอย่างไอ้หมอนี่มากนั่นเอง