หน้าแรกโฮมเพจ | ไครเล่าจะเข้าใจเราที่สุด | ทุกอย่างที่ไม่แน่นอน | คนอยากรวย | จีบสาว | ชาตินิยม (แต่ปาก) |

 
 
อยากรวย

อยากรวยใหมครับ อยากมีเงินใช้ใหม รถยนต์สวยๆอยากมีขี่ใหมละครับ หรือว่าบ้านหลังสวยๆสักหลังนึง  อย่าแปลกใจนะครับที่ผมเริ่มต้นด้วยประโยคแบบนี้ ไม่มีอะไรมากหรอกจะเล่าถึงที่มาของเรื่องนี้ให้ฟัง

คือที่มาของเรื่องก็มาจากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผมคนนึงนะครับรู้จักกันมาก็ตั้งแต่สมัยเรียนประถมน๊ะครับ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าใหร่หรอกครับ เพราะตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่บ้านนอกส่วนเขาก็เข้ามาเผชิญโชคในกรุงเทพครับ  ทีนี้พอผมเข้ามาเลียนแบบเขาบ้างครับจะว่ามาเผชิญโชคก็ไม่ได้นะครับ เอาเป็นว่ามาหาทางที่ดีให้กับชีวิตมากกว่านะครับ พอผมได้มาอยู่กรุงเทพเหมือนกันก็ได้คุยกันบ่อยครับ

เพื่อนผมคนนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นคนระดับคุณภาพคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงต่อสู้ชีวิตคนหนึ่งว่างั้นเถอะ มันเข้ามากรุงเทพหลังจากที่เรยนจบปวช. หลังจากเข้ามาเรียนรามได้สองปีมันก็บอกผมว่าที่นี่ไม่เหมาะกับมันนะครับ หลังจากนั้นก็ออกไปเรียนมีมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งครับ ด้วยความขยันบวกกับความเก่งของมันที่พูดแบบนี้เพราะว่าถึงขนาดเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนะครับ 4ปีจบมาไม่ใช้จบปริญญาตรีอย่างเดียวแถมมีเกียรตนิยมอันดับหนึ่งพ่วงมาด้วย จบมาแล้วก็ยังทำงานอยู่ที่เดิมคงจะเพราะขี้เกียจหางานไม่หรืออะไรก็ไม่รู้ เพราะช่วงหลังมันมีแฟนก็ไม่ค่อยได้คุยกัน มันก็คงจะไม่มีเวลามากนักนะครับเพราะใหนจะงานใหนจะเรื่องราวของความรัก เมื่อก่อนมันบอกไม่ค่อยมีคนคุยด้วยตอนนี้ก็คงจะได้มีคนคุยด้วยจนเบื่อแล้วนะครับ  ไตเติ้ลซะยาวที่นี้มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับว่าทำไมผมจึงตั้งชื่อเรื่องนี้ว่าอยากรวย

เรื่องมันก็มีอยู่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้อยู่ๆเจ้าเพื่อนคนนี้ของผมนะครับก็โทรศัพท์มาหาผมที่บ้านก็คุยกันเล่าสาระทุกข์สุขดิบทั่วๆตามประสาของคนที่ไม่ได้คุยกันมานาน เมื่อการสนทนาไกล้จะจบลงเจ้าเพื่อนคนนี้ก็ถามว่าช่วงนี้ว่างใหม ผมก็บอกว่าว่างซิทำไมละ มันก็บอกว่าเนี๊ยะตอนนี้มันทำธุรกิจใหม่อยู่อย่างหนึ่งรายได้ดีเดือนนี้ก็ได้หลายบาทแล้ว ถ้าผมว่างๆก็อยากให้ลองไปฟังด้วย ตัวเองไปได้ดีแล้วก็อยากให้เพื่อนได้ดีด้วยว่าอย่างนั้นเถอะครับ แล้วก็ดูแล้วว่าผมว่างวันใหนก็นัดแนะกันเรียบร้อยที่จริงผมก็พอรู้แล้วว่ามันไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้นอกจากงานขายแบบ MLM แต่มันไม่ยอมบอกว่าขายอะไรเท่านั้นเอง

และแล้ววันนัดก็มาถึง วันนั้นพอดีผมไปทำธุระที่ห้างพันทิพย์หลังจากเสร็จธุระก็ปาเข้าไป6โมงเย็น ก็มาเดินเเล่นเพื่อดูของแถวๆสยามพอดีเพื่อนคนนี้ก็เพจเข้ามา แล้วก็นัดเจอกันตรงหน้าสยาม หลังจากนั้นมันก็พาผมไปที่บริษัทที่ว่า เมื่อไปถึงก็แนะนำให้รู้จักเพื่อนของเขาคนหนึ่งชื่ออะไรผมจำไม่ได้แล้วโดยบอกว่าทำงานอยู่ที่บริษัทที่มีชื่อแห่งหนึ่ง หลังจากที่แนะนำตัวจนเป็นที่รู้จกกันเรียบร้อยแล้วเขาก็พาผมไปที่ห้องทำงาน จากนั้นก็ถามว่าผมตอนนี้ทำอะไรอยู่ ผมก็บอกว่าเพิ่งเรียนจบตอนนี้ตกงาน เขาก็ถามว่าจบอะไรมา พอรู้ว่าจบวิศวะมาเพื่อนของเพื่อนที่ผมเพิ่งจะรู้จักคนนั้นก็โทรศัพท์เรียกเพื่อนของเขามาอีกคน จับใจความได้ว่าให้มาที่นี่หน่อยเพราะเพื่อนผมเขาพาผมมาแล้วก็บรรยายถึงพี่คนที่กำลังจะมาว่าพี่เขาจบวิศวะเหมือนกันแต่จบมาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อแถวสยามนั่นแหละ จากนั้นก็ชวนผมคุยไปเรื่อยจนพี่คนนั้นมาถึง เมื่อมาถึงเขาก็แนะนำตัวแล้วก็บอกสาธยายถึงธุรกิจที่เขาทำอยู่โดยหลักๆก็มีอยู่ว่า เป็นงานที่สบายๆไม่ใช่งานขายเพียงแค่เรามีเพื่อนและก็แนะนำของดีๆให้เพื่อนใช้โยของดีๆเหล่านั้นก็คือของที่เป็นสินค้าจากบริษัทเขานั่นเองโดยบริษัทของเขาเป็นบริษัทขายตรงข้ามชาติชื่อดังจากอเมริกาซึ่งถ้าเอ่ยปากตรงนี้เชื่อว่าคุณคงจะรู้จักแน่นอนเพราะเดี่ยวนี้ทางโทรทัศน์ก็มีการโฆษณากันโจ๋งครึ่ม จากนั้นก็ให้ผมเข้าไปในห้องเล็กๆที่จัดไว้โดยมีคนที่ตกอยู่ในสภาพผมหลายคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีทั้งสาวออฟฟิศ แม่บ้าน นิสิต นักศึกษาและคนทำงานหลายกลุ่มแล้วแต่เครือข่ายคนของเขาจะพามาได้ พอคนเข้ามาได้พอประมาณเข้าก็เปิดวีดีโอแนะนำที่มาและการดำเนินธุรกิจของเขาว่าดีอย่างไร สินค้าเป็นอย่างไรประมาณ30นาทีก็จบ จากนั้นก็มีพี่คนหนึ่งขึ้นมาพูดโดยการแนะนำตัวและทักทายพวกเข้าฟังอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็เชิญชวนมาทำธุรกิจกับพวกเขาซึ่งหลักการทำธุรกิจของเขาพอที่จะสรุปให้ฟังได้ก็มีดังนี้

  • เป็นธุรกิจที่ไม่ใช่งานขายโดยถ้าเรามีเพื่อนเราก็ไปแนะนำสินค้าของเราให้เพื่อนใช้ และสินค้าก็เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เช่นน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอกและยาสีฟันของเขานั้นเป็นของที่ทำจากหัวเชื้อ คือใช้ได้ดีกว่าของตามท้องตลาดประมาณ10เท่าโดยที่ของในท้องตลาด10ขวดจะใช้ได้เท่ากับของเขา1ขวดแต่ราคาของเขานั้นสูงกว่าของในท้องตลาดมากแต่เขาอ้างว่าเมื่อเทียบกันแล้วของเขาประหยัดกว่า เช่นยาสีฟันตกหลอดละเกือบ 300 บาท

  • การทำธุรกิจสามารถเพิ่มวงเงินรายได้ของเราได้มากหากเราขายของได้มากโดยชักชวนเพื่อนฝูงมาทำด้วยคือชักชวนกันไปแบบลูกโซ่โดยแตกสาขาไปเรื่อยๆและถ้าชวนคนอื่นมาทำได้มากถึงแม้เราจะอยุดทำก็ยังมีรายได้ประจำและรายได้ประจำก็สามารถโอนไปเป็นมรดกได้

  • เป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงเพราะไม่รู้จะเสี่ยงอย่างไร ไม่ต้องลงทุนเพียงแต่ขายและชวนคนมาเป็นสมาชิกอย่างเดียวยิ่งมากยิ่งดีเพราะถ้าหากคนที่เราชวนมาขายได้มากส่วนแบ่งเราก็มีมากด้วย

    หลังจากพี่คนนั้นอธิบายแผนการตลาดของเขาเรียบร้อย เพื่อนผมและเพื่อนของเขาอีกคนว่าเป็นอย่างไรบ้างและก็พยายามที่จะให้ผมมาร่วมขบวนการด้วยโดยการชักชวนต่างๆนาๆ และถามผมว่าเป็นไปได้ไหมผมบอกว่าถ้าเราทำได้มันก็เป็นไปได้จากนั้นก็พยายามให้ผมเป็นสมาชิกโดยบอกว่าถ้าจะเป็นสมาชิกต้องเสียค่าสมัคร900บาทก่อนซึ่งเป็นค่าคู่มือประกอบธุรกิจและค่ากระเป๋า เมื่อผมบอกว่าผมทำไม่ได้แต่จะซื้อของจากเพื่อนแทนแล้วกัน เพื่อนของเพื่อนบอกว่าถ้าหากจะซื้อของในราคาประหยัดต้องเสียค่าสมัครเป็นสมาชชิกด้วย300บาทซึ่งผมก็พยายามปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลของผม สรุปแล้ววันนั้นผมก็ไม่ได้สมัครก็กลับบ้านประมาณ4ทุ่ม

    สาเหตุที่ผมไม่สมัครเป็นสมาชิกของธุรกิจนั้นเพราะว่านั้นเพราะผมเห็นว่า

  • ข้อดีต่างๆที่เขาอ้างนั้นเป็นเพียงกลยุทธทางการขายทั้งสิ้น อย่างเช่นที่บอกว่าสินค้านั้นมีคุณภาพมากกว่าของตามท้องตลาดก็เพื่อที่จะเพิ่มปริมาณการขายโดยที่ลดปริมาณสินค้า หมายความว่าเขาขายสินค้าที่เขาอ้างว่ามีคุณภาพในราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่าโดยบอกว่าใช้งานได้นานกว่าของในท้องตลาดเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าของการขายแทนที่จะเพิ่มจำนวนของของที่ขายซึ่งสอดคล้องกับหลักการของการขายตรง

  • สิ่งต่างๆที่สมาชิกที่ร่วมงานได้รับนั้น เช่นการได้โบนัสไปเที่ยวต่างประเทศปีละ2ครั้งเมื่อยอดขายถึงกำหนด การโอนรายได้ประจำเมื่อเราเลิกทำแล้วเป็นมรดกได้ เป็นสิ่งที่จูงใจให้คนเกิดความอยากแล้วเข้ามาทำแต่พอทำแล้วผมคิดว่าน่าจะทำได้ตามที่กำหนดยากสำหับผม สาเหตุที่ทำได้ยากเพราะว่ามันไม่เข้ากับนิสัยของผมซึ่งไม่มีความถนัดในงานขาย

  • เป็นการทำลายระบบเพื่อนฝูง(สำหรับความคิดของผม) เพราะจากเดิมที่เราเจอกับเพื่อนแล้วคุยกันตามปกติ แต่ถ้าเราทำงานนี้แล้วเราจะมองเพื่อนเป็นธุรกิจไปหมด เห็นเพื่อนมีรถก็จะขายน้ำยาล้างรถ เห็นเพื่อนสูบบุหรี่ก็จะขายยาสีฟัน เห็นเพื่อนผิวแห้งก็จะขายสบู่ คือพูดง่ายๆว่าเห็นอะไรก็ต้องเป็นงานขายไปหมดถึงจะเป็นนักขายที่ดีของบริษัท เห็นเพื่อนว่างวันใหนก็จะชวนไปฟังแผนการตลาดของบริษัทและชวนให้เป็นสมาชิกมาทำงานร่วมกัน และต้องทำให้ได้ถึงจะเป็นคนในอุดมคติของบริษัทซึ่งตอนแรกๆก็อาจเป็นไปด้วยความเกรงใจแต่พอหนักเข้ารับรองจะไม่มีไครมาเกรงใจได้ตลอดหรอก และในที่สุดเมื่อทำไม่ได้ก็จะเลิกทำ เมื่อเลิกทำสิ่งต่างๆรวมทั้งความฝันที่จะรวยก็หมดไป แต่บริษัทกลับได้สิ่งที่เราขายให้ไปมากมายแม่มีคนเลิกแต่คนใหม่ที่เข้ามาทำก็สามารถขายได้อีกเป็นอย่างนี้เรื่อยๆไปตลอด

  • และสุดท้ายคือเราต้องตากหน้าไปขายโน่นขายนี่เพื่อที่จะได้ค่าคอมมิสชั่นนิดๆหน่อยแต่เมื่อขายได้เงินส่วนมากจากการขายจะถูกส่งกลับไปสร้างงานและสร้างรายได้ให้บริษัทแม่ที่อเมริกาซึ่งเป็นเงินของประเทศจำนวนมากที่ไหลออกไปยังต่างประเทศ


    กลับหน้าแรกของโฮมเพจ