(--[Main]-*-[Links]-*-[Search]-*-[Pager]-*-[Contact]-*-[E-mail]--)

ออโต้ฯ ดับเบิ้ล ขนาด .45 เอ.ซี.พี.

โดย ส. รัตนแสง

   หลังจากหมดยุค วันเดอร์ ไนน์ฟีเวอร์ ซึ่งเป็นยุคที่มือปืนทั้งหลายภาคภูมิใจกับความจุอันมากมายเกือบ 20 นัดในปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. พาราเบลลั่ม ของตนที่สามารถสาดกระสุนออกไปได้ราวกับเม็ดฝนแต่ความภาคภุมใจและการคุยเขื่องถึงความจุของแม็กกาซีนของปืนของตนต้องหมดลง เมื่อมาเจอเอากฎหมายใหม่ของ คลินตัน     เข้าไปคราวนี้แหละครับที่เหล่ามือปืนในสหรัฐอเมริกาต้องหันกลับมามองดูเจ้าหมัดตะลุมพุกกระสุนที่เป็นอภิมหาอมตะของชาวปืนเรากันอีกครั้ง และนี่คือการกลับมาอีกครั้งของกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. อันเกรียงไกร

   ที่จริงผมว่าชาวปืนทั้งหลายนั้นไม่มีใครหรอกครับที่จะลืมกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. นี้ไปได้ เพียงแต่ว่าในยุคของที่ปืนที่ใช้กระสุนขนาด 9 ม.ม. พาราเบลลั่มแบบลูกดกครองเมือง กระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. ถูกบดบังรัศมีไปซะด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น (ตามความคิดของผม) คือจากการที่กระสุนขนาด 9 ม.ม. พาราเบลลั่มนั้นมีขนาดที่เล็กกว่าทำให้สามารถออกแบบตัวปืนและแม๊กกาซีนให้บรรจุกระสุนได้มากถึงเกือบ 20 นัดโดยที่แทบไม่รู้สึกว่าปืนมีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างใด ผู้คนก็เลยเฮหันมาเล่นปืนขนาด 9 แบบลูกดกกันเป็นแถว

   คราวนี้เมื่อกฎหมายใหม่ของคลินตัน ออกมาว่าแม๊กกาซีนของปืนจะบรรจุกระสุนเกินจำนวน 10 นัดไม่ได้ กระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. ที่เคย นอนสงบนิ่งอยู่ในแม๊กกาซีนแบบเดิม ๆ เกือบ 10 นัด อยู่แล้วก็กลับมาอยู่ในความคิดของผู้ใช้ปืนอีกครั้งทำไมหรือครับ ก็ในเมื่อความจุกระสุนในปืนพอ ๆ กันแล้ว จะไปใช้ปืนที่กระสุนเล็กกว่าอยู่ทำไมใช่ไหมล่ะครับ และตามความคิดผมนะ ผมว่ากระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. นี่น่าจะเป็นกระสุนคู่บ้านคู่เมืองของชาวอเมริกันได้เลยเรียกว่าเห็นชาวปืนอเมริกันที่ไหน จะต้องเห็นกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. อยู่คู่กันเสมอ เหมือนพวกเราคนไทยที่จะต้องมีรอยยิ้มพิมพ์ใจประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาจนฝรั่งเรียกว่า THE LAND OF SMILE แม้ว่าตอนนี้ในยุค I.M.F. ครองเมือง รอยยิ้มของพวกเราจะดูซีดเซียวลงไปบ้างก็ตามแต่พวกเราก็ยังยิ้มสู้ใช่ไหมครับ

   CLAIR REES จาก GUNS & AMMO. ได้นำปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 เอ.ซี.พี. ที่เป็นปืนใช้งานตลาด ๆ ธรรมดา ๆ จำนวน 6 กระบอกด้วยกันมาทำการทดสอบเพื่อดูกลไกปฏิบัติการและกลุ่มกระสุนจากการยิงด้วยกระสุนต่าง ๆชนิด เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวปืนที่ยังมีความมั่นใจในกระสุนขนาดนี้ ได้เลือกพิจารณาไว้ใช้งานกันครับ ที่จริงแล้วใน GUNS WORLD นี่ผมเคยคุยกับท่านผู้อ่านด้วยเรื่องของปืนดีสี่กระบอกในขนาด .45 ที่น่าเล่นไปแล้ว คงไม่เบื่อนะครับที่จะคุยกันใหม่อีกครั้งกับเรื่องของปืนที่ใช้กระสุนขนาดนี้ ของมันชอบนะครับทั้งที่ตัวเองใช้ปืนอัดลมเบอร์หนึ่งอยู่แท้ ๆ แต่กลับชอบกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. นี้มากเป็นพิเศษ

   จำนวน 6 กระบอกของปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 เอ.ซี.พี. ที่ทดสอบครั้งนี้ จะมีกลไกปฏิบัติการในแบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่น/ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น ทั้งหมด ที่จริงก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับเพราะมี กล็อค ที่มีกลไกที่แตกต่างไปจากเขาเพื่อน แต่ก็อนุโลมให้เข้ากับเขาได้ เหตุผลที่เลือกเอาแต่ปืนทีมีกลไกที่สามารถยิงกระสุนนัดแรกในระบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่นได้ทั้งหมดนั้น Mr. REES แกบอกว่า มีผู้ใช้ปืนที่ต้องการความปลอดภัยจากการที่ปืนจะลั่นออกไปเองโดยไม่เจตนาในระหว่างการเข้าตรวจค้นผู้ต้องสงสัยนี่คือเหตุผลนึงละ

   และอีกอย่างก็คือในรายที่ต้องการใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติไว้พกพาเพื่อป้องกันตัวเอง ก็ไม่ต้องการที่จะพกปืนโดยที่มีนกง้างหราอยู่แม้จะเข้าห้ามไกไว้แล้วก็ตาม เขาต้องการปืนที่สามารถเอากระสุนเข้าลำกล้องเตรียมพร้อมไว้แล้วลดนกเพื่อสะดวกในการพกพา และสามารถชักปืนออกมาเหนี่ยวไกยิงนัดแรกได้เลย โดยไม่ต้องไปคำนึงว่าจะต้องมาคอยคลำหาคันห้ามไกให้เสียเวลากันอีกผมว่าเอาใจพวกที่เคยใช้ปืนตระกูลลูกดกขนาด 9 ม.ม. ที่เคยฮิตกันมากกว่า เพราะปืนพวกนั้นมักจะมีกลไกปฏิบัติการที่ให้ความสะดวกกับผู้ใช้งานในทำนองนี้แหละ เมื่อจะหันมาเล่นกระสุน ขนาด .45 เอ.ซี.พี. กันอีกครั้งก็เลยเสาะหาแต่ปืนที่มีปฏิบัติการเหมือเดิมมาทดสอบให้ดู จะได้ไม่เสียความรู้สึกครับ

   หกกระบอกของออโต้ฯ .45แบบดับเบิ้ล/ซิงเกิ้ล ที่ว่านี่ก็มีของ SIG SAUER P.220 ; SMITH & WESSON 4506 : GLOCK 21 ; H&K USP.45 ;TAURUS PT.945 และ RUGER P.90 ครับทั้งหมดจากห้าประเทศที่ผู้ทดสอบบอกไว้ว่าได้ไปขอยืมมาจากตัวแทนจำหน่ายเพื่อมาทำการทดสอบในครั้งนี้ หมดกระสุนไปกว่า 1,700 นัด จากกระสุนต่างยี่ห้อกัน เช่น WINCHESTER REMINGTON ; BLACK HILL และ CCI เป็นต้น รวมทั้งความหลากหลายของชนิดและน้ำหนักของหัวกระสุนที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

   การทดสอบก็ทำกันอย่างง่าย ๆ ครับ มีเพื่อที่ชอบเล่นปืนมากไปคนนึง กับลูกชายอีกคนนึงไปคอยช่วยเปลี่ยนเป้ากับคอยช่วยบรรจุกระสุนลงในแม๊กกาซีน เวลายิงก็นั่งยิงบนโต๊ะที่มีแท่นพาดยิงธรรมดาแบ่งจำนวนกระสุนที่ใช้ยิงออกมาไว้ทดสอบหากลุ่มกระสุนโดยเฉพาะกระบอกละ 75 นัดต่อกระสุนแต่ละชนิด ส่วนที่เหลือก็แบ่ง ๆ กันไปใช้ในการทดสอบดูปฏิบัติการของตัวปืน

   เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เริ่มทำการทดสอบกัน เรามาดูในผลการทดสอบของ REES กันนะครับว่าเขาให้ความเห็นของปืนแต่ละกระบอกไว้อย่างไรบ้าง

   ซิก ซาวเออร์ รุ่น พี.220

   จากการผสมผสานกันทางเทคโนโลยี่ของช่างชาวสวิสและเยอรมันทำให้ได้ปืนดีในนาม ซิก-ซาวเออร์ ออกมาให้พวกเราได้ใช้งานกันคงแทบไม่ต้องกล่าวถึงคุณภาพของปืนยี่ห้อนี้และโดยเฉพาะในโมเดลนี้ที่เคยเป็นปืนคู่มือของคุณพี่ ฉัตรชัย ปรมาจารย์แห่งวงการอาวุธปืนในบ้านเราด้วยครับ

   ซิก ซาวเออร์ พี.220 ให้ความรู้สึกขณะจับถือยู่ในลักษณะเตรียมยิงได้ดีมาก น้ำหนักปืนเปล่า 30 ออนซ์ (850 กรัม) ลำกล้องยาว 4 1/4นิ้ว ยาวตลอด 7 3/4นิ้ว สูง 5 3/8นิ้ว และมีส่วนหนาที่สุดของปืนเท่ากับ 1 1/4นิ้วครับ ดูจากขนาดก็จะเล็กกว่าเจ้าม้าแก่ เอ็ม.1911 เอ 1 นิดหน่อย กลไกเป็นแบบ ดับเบิ้ล/ซิงเกิ้ลแม๊กกาซีนบรรจุกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. แบบเรียงเดี่ยวได้ 7 นัด และในปืนใหม่แกะกล่องจะมีแม๊กกาซีนอะหลั่ยแถมมาให้ด้วยอีกหนึ่งอัน คอยทวงถามให้

   ดี ๆ ก็แล้วกันถ้าใครซื้อมานะครับ

   คันสำหรับบริหารกลไกปืนมีอยู่ทางด้านซ้ายด้านเดียว ประกอบไปด้วย คันลดลำเลื่อน คันลดนกที่ปลดล็อคสำหรับตอนถอดทำความสะอาดปืน และปุ่มปลดแม๊กกาซีนในแบบ อเมริกัน สไตล์ คืออยู่หลังโกร่งไกปืนทางด้านซ้ายที่สามารถใช้นิ้วหัวแม่มือขวาที่จับปืนกดปลดแม๊กกาซีน ออกได้อย่างรวดเร็ว ศูนย์หน้าของ พี.220 มีจุดขาวแต้ม อยู่ด้วยเพื่อช่วยในการเล็ง โดยจะสัมพันธ์กับศูนย์หลังที่มีเส้นสีขาวที่มองเห็นได้ชัดเจน ชุดศูนย์หลังสามารถปรับแก้ตำบลกระสุนตกได้ทางด้านซ้าย และด้านขวาเท่านั้น และชุดศูนย์นี้มีขนาด ที่ไม่ใหญ่โตเกินไปจนทำให้เกะกะหรือเกาะเกี่ยวกับอะไรเวลาที่ชักปืนออกมาใช้งาน

   กลไกปืนไม่มีการห้ามไกด้วยแม๊กกาซีน ซึ่งระบบนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเอง แล้วแต่ว่าใครจะจับเอาจุดไหนมาใช้ครับ ข้อดีของมันคือ ในกรณีที่แม๊กกาซีนหล่นหาย หรือชำรุดในฉากของการต่อสู้คุณยังสามารถยิงกระสุนปืนนัดที่เหลืออยู่ในรังเพลิงปืนของคุณออกไปได้ ซึ่งกระสุนนัดนี้ อาจจะเป็นกระสุนที่ตัดสินความเป็นความตายของคุณได้เช่นกัน

   ข้อเสียก็คือ แม้ว่าคุณจะถอดเอาแม๊กกาซีนปืนออกวางไว้ข้างนอกแล้วก็ตาม อาจจะมีใครสักคนที่คิดว่าตัวเองเล่นปืนเป็น ซึ่งพอคว้าปืนของใครได้ก็มักจะต้องแหย่นิ้วเข้าไปเหนี่ยวไกปืนเล่นเสมอ เพื่อแสดงความสามารถบางอย่างของตัวเองออกมาโดยไม่ระวังว่าปืนนั้นปลอดภัยเพียงใด ถ้ามันตูมออกมาโดยไปอาศัยพุงของใครก็ไม่รู้เป็นที่เก็บหัวกระสุนผู้ที่เดือดร้อนด้วยก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็คือเจ้าของปืนซึ่งก็คือตัวคุณเองนั่นแหละ

   การเหนี่ยวไกยิงกระสุนนัดแรกในระบบ ดับเบิ้ล แอ๊คชั่น จะใช้นำหนักเหนี่ยวไกประมาณ 12 ปอนด์และในระบบ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น จะใช้น้ำหนักประมาณ 3 3/4ปอนด์ จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับปืนใช้งานในสนาม ในการยิงทดสอบ พี.220 มีการขัดข้องของปืน ซึ่งเกิดจากการป้อนกระสุนจากแม๊กกาซีน เข้ารังเหลืองสองครั้งเท่านั้นเอง และทั้งสองครั้งนั้นจะเป็นจากกระสุนนัดสุดท้ายที่บรรจุอยู่ในแม๊กกาซีนเสียทั้งสองครั้ง แต่ไม่มีการตรวจสอบหาสาเหตุกันครับ ส่วนกระสุนที่ว่ามีการผิดพลาดในการป้อนเข้ารังเพลิงนั้นเป็นกระสุนของ ซีซีไอ.เบลเซอร์ น้ำหนัก 230 เกรน แบบ ฟูล เมทัล แจ๊กเก็ต นัดนึงส่วนอีกนัดก็เป็นกระสุนแบบ +P ของ TRITON น้ำหนัก 230 เกรน แบบ แจ๊คเก็ต ฮอลโลว์ พ้อยท์ ครับ นอกจากนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยในการยิงและปฏิบัติการของปืน ตามวงรอบการทำงานตามปกติ

   จากราคาขาย $750 สหรัฐฯ ซิก-ซาวเออร์ พี.220 ให้ความสมดุลย์ที่ดีมากในขณะจับปืนเตรียมยิง น้ำหนักไกราบเรียบดี กลุ่มกระสุนถือว่าเยี่ยมสำหรับปืนใช้งานต่อสู้มีข้อบกพร่องนิดหน่อยของปืนกระบอกที่นำมาทดสอบคือ สกรูยึดแก้มประกับด้ามหลุดระหว่างการยิงทดสอบ (ลืมขันให้แน่นมั๊ง) แล้วก็มีรอยถลอกนิดหน่อยบน ลำเลื่อน (คงรมดำบางไปหน่อยน่า) นี่เป็นความเห็นของผู้ทดสอบนะครับ

   สมิธ แอนด์ เวสสัน โมเดล 4506

   ปืนกระบอกนี้ดุเหมือนว่าจะเคยเป็นปืนในโควต้า ที่เป็นสวัสดิการให้ข้าราชการบางหน่วยในบ้าเราด้วยครับ เท่าที่ผมทราบมาก็มีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐให้กับปืนโมเดล นี้พอสมควรที่ชมมาก็บอกว่าปืน แข็งแรงดีมาก ยิงมันมือดี และทำกลุ่มกระสุนดีอีกด้วยฝ่ายที่ติก็ว่าปืนมันใหญ่ไปหน่อยพกพาลำบากจับยิง แทบไม่ไหว ซึ่งก็จริงอย่างที่ว่ามาทั้งนั้นครับ เอาจากแค่ขนาดของปืนก่อนก็จัดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวนปืนที่เข้าทดสอบทั้งหกกระบอกในครั้งนี้และราคาก็แพงกว่าเขาเพื่ออีกด้วยครับ ตั้ง $819 แน่ะ

   รูปพรรณโดยสังเขปของ เอส.&ดับบลิว. 4506 มีดังนี้ครับขนาดกระสุน .45 เอ.ซี.พี. ปฏิบัติการแบบ ดับเบิ้ล-ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น มีห้ามไกอยู่บนลำเลื่อนทั้งสองด้านลำกล้องยาว 4 7/8นิ้ว ยาวตลอด 8 5/8นิ้ว สูง 5 1/2นิ้ว และมีความหนาแค่ประมาณ 1 นิ้ว ครับผลิตจากเหล็ก สเตนเลสส์ ทั้งกระบอกน้ำหนักปืนเปล่าหนึกถึง 40 ออนซ์ (กิโลกรัมกว่าๆ)

   ชุดศูนย์มีให้เลือกสองแบบคือ แบบศูนย์ตายตัวที่แต้มจุดขาวมาให้สามาจุดหน้าหนึ่งหลังสอง และศูนย์แบบปรับได้ที่มีราคาเพิ่มขึ้นอีก $32 ศูนย์หลังแบบที่ปรับได้จะมีที่กำบังติดมาให้ ด้วยเพื่อป้องกันการกระทบกระทกทำให้ศูนย์คลาดเคลื่อน หูที่กำบังศูนย์ทั้งสองข้างนี้จะอยู่สูงจากโครงปืนขึ้นมาอีกประมาณ 1/2นิ้ว แม๊กกาซีนทำจากสเตนเลสส์ ด้วยเช่นกัน บรรจุกระสุนแบบแถวเรียงเดี่ยวได้จำนวน 8 นัด และแถมแม๊กกาซีนอะหลั่ยมาให้ด้วยอีกหนึ่งอันตอนซื้อปืนครับ

   แก้มประกับด้ามทำด้วยพลาสติกสีดำหล่อเป็นลายสากกันลื่น รวมทั้งแกะลายกันลื่นที่บริเวณโกร่งไกปืนด้านหน้าอีกด้วย เพื่อให้ใช้นิ้วมืออีกข้างเกี่ยวได้ถนัดใน กรณีจับปืนยิงด้วยสองมือ คันลดลำเลื่อนและปุ่มปลดแม๊กกาซีนมีอยุ่ทางด้านซ้ายของโครงปืนด้านเดียว และแน่นอนว่าปุ่มปลดแม๊กกาซีนต้องอยู่ตรงตำแหน่ง อเมริกัน สไตล์ คือหลังโกร่งไกปืนที่สามารถใช้นิ้วหัวแม่มือขวาที่จับปืนกดปุ่มปลดแม๊กกาซีนออกได้อย่างรวดเร็วปุ่มปลดแม๊กกาซีน ของปืนหลายแบบที่ไม่อยู่ในตำแหน่งนี้มักขายไม่ค่อยออก ลองสังเกตุดูซิครับบริษัทผลิตปืนหลาย ๆ บริษัทที่ส่งปืนเข้าไปขายในสหรัฐอเมริกา จะต้องย้ายตำแหน่งของปุ่มปลดแม๊กกาซีนให้ใหม่เสมอ

   น้ำหนักเหนี่ยวไกในระบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่น จะหลุดที่ประมาณ 12 ปอนด์ ส่วนในระบบซิงเกิ้ล แอ๊คชั่นจะหลุดที่ประมาณ 6 1/2ปอนด์ อาจจะหนักไปนิดอย่างที่หลายคน ในบ้านเราบอกมา แต่ก็ให้ความปลอดภัยที่สูงขึ้นอีกหน่อยเช่นกันครับ กลไกและปฏิบัติการเรียบร้อยดีมาก ตลอดการยิงทดสอบมีการขัดข้องเพียงครั้งเดียวจากกระสุนของ แบล็ค ฮิลล์ น้ำหนัก 230 เกรน แบบ เจ.เอชพี. ที่ไม่ยอมเงยหน้ามุดเข้ารังเพลิง ตามปกติ แต่กลับเอาหัวทิ่มลงซะเลยเกิดการขัดลำขึ้น

   ตามความเห็นของ REES นะครับ ตัวปืนอยู่ในระดับดี กลุ่มกระสุนแน่นในระดับปืนใช้งานสนาม โครงปืนไม่หนามาก ส่วนข้อติก็คือ ปืนหนักมากไปหน่อย และการวางต่ำแหน่งของลำกล้องอยู่สูงมากเกินไปนิดนึงทำให้ปืนมีอาการสบัดเงยได้ง่าย ควบคุมได้ยากขึ้นมาอีกนิดนึงครับ

   กล็อคโมเดล 21

   ราคาขายปลีกในตลดาปืนสหรัฐฯ กระบอกละ $668 โดยแถมแม๊กกาซีน ให้อีกหนึ่งอัน จากการยิงทดสอบได้ข้อดีและข้อเสียมาดังนี้ คือข้อดีปืนสามารถย่อยกระสุน ทุก ๆ ชนิดที่ใช้ทดสอบได้หมดทุกแบบโดยไม่มีอาการขัดข้องให้เห็นเลยการใช้งานง่ายมาก และยิงได้สนุกมือดี ข้อเสียที่ REES บอกไม่ชอบก็คือการบรรจุกระสุนนัดสุดท้ายคือนัดที่ 10 ลงในแม๊กกาซีนทำได้ยากมาก และปุ่มปลดแม๊กกาซีนมักจะคอยกัดนิ้วมืออยู่เสมอ ๆ ในการยิงติดต่อกัน ที่ว่ากัดนี่ไม่ใช่มันเอาปากกัดนะครับ คือว่าส่วนที่โผล่ยื่น ออกมานิดหน่อยของปุ่มปลดแม๊กกาซีนนั่นแหละที่คอยถูเอานิ้วมือของคุณ REES เค้าเวลายิงให้เกิดความรำคาญขึ้นมา และสุดท้ายก็คือไอ้เจ้าปุ่มสำหรับกดถอดเอาลำเลื่อนออกมาเวลาทำความสะอาดนั้น แกว่ามันเล็กกระจิ๋วหลิวไปหน่อย กดถอดทำความสะอาดยากไปนิดนึง

   ตอนแตกผมว่าจะถอดความแค่ความเห็นของผู้ทดสอบเท่านั้นไม่อยากจะลงรายละเอียดของปืน เพราะเจ้าปืน กล็อค นี่เรื่องรายละเอียดของมันนั้น มีใครต่อใคร เอามาเล่าสู่กันฟังแล้วตั้งหลายคน กลัวท่านผู้อ่านจะบอกว่า “เค้ารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง” แต่ก็อดนึกถึงมือใหม่ทั้งหลายไม่ได้ เผื่อว่าท่านเกิดเพิ่งจะมาจับ GUNS WORLD ฉบับนี้เข้าเป็นฉบับแรก จะเกิดอาการเป็นงงขึ้นมาว่า “อะไรของมันวะไม่เห็นบออกรายละเอียดของปืนให้เลยิก็ขอเอาใจมือใหม่หน่อยครับ ขอลงรูปพรรณของปืนนิดหน่อย และถ้าเผื่อว่ายังไม่จุใจมือใหม่ ก็รีบทำใบสมัครเป็นสมาชิกย้อนหลังมาได้เลยนะครับ อีกหลาย ๆ ปีให้หลังจะได้คุยได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นสมาชิกของ GUNS WORLD ตั้งแต่ฉบับแรก เลยนะเนี่ย

   กล็อคโมเดล 21 เป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 เอ.ซี.พี. มีกลไกแบบที่เรียกว่า เซฟ แอ๊คชั่น ไม่มีหงอนนก ไม่มีห้ามไก ไม่มีคันขึ้นนก/ลดนก ใดใดให้เกะกะบนโครงปืนและลำเลื่อนนอกจากปุ่มปลดแม๊กกาซีนและคันกดปลดล๊อคลำเลื่อนอันกระจิ๋วหลิว เท่านั้น ใช้งานง่ายมากครับ เอากระสุนเข้ารังเพลิงแล้วก็พกพาติดตัวไปได้เลยไม่ต้องเข้าห้ามไก ไม่ต้องมีการลดนก เวลาจะใช้งานก็ควักออกมาแล้วเหนี่ยวไกอย่างเดียว ไม่ต้องคำนึงว่าเอ๊ะ…ตูลืมปลดห้ามไกหรือเปล่าหว่า หรือปืนขึ้นนกหรือยังวุ๊ย อะไรพวกนั้นครับ

   โครงปืนและด้ามจับของกล็อค 21 และในรุ่นอื่น ๆ ทุกรุ่นทำจากพลาสติกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โพลิเมอร์ (POLYMER) สีดำหล่อเป็นชิ้นเดียวกันโดยที่ไม่ต้องมีแก้มประกับด้าม ลำเลื่อนและลำกล้องทำด้วยเหล็ก โดยมีความยาวลำกล้องเท่ากับ 4 1/2นิ้ว ความยาวตลอดของตัวปืนเท่ากับ 7 5/8นิ้ว ความสูง 5 3/8นิ้ว และมีความหนาสุดที่ลำเลื่อน 1 1/8นิ้ว เนื่องจากโครงปืนและด้ามจับหล่อจากพลาสติกทำให้น้ำหนักปืนทั้งกระบอกเบาเพียง 29 ออนซ์ (ประมาณ 800 กรัม) เท่านั้น

   แม็กกาซีนของ กล็อค 21 บรรจุกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. ได้ 10 นัด ไม่มีระบบห้ามไกด้วยแม็กกาซีน น้ำหนักเหนี่ยวไกเท่ากับ 6 ปอนด์ ศูนย์หน้าแต้มจุดขาว เพื่อช่วยในการเล็งจับเป้าหมายได้ชัดเจน ศูนย์หลังบากร่องสี่เหลี่ยมตรีกรอบสีขาวสามารถปรับซ้ายขวาได้ สมดุลย์การจับถือปืนขณะจี้ไปยังเป้าเป็นธรรมชาติดีมาก เรียกว่าเหมือนกับชี้นิ้วไปยังเป้าเลยทีเดียว แม้ว่าผู้ใช้ปืนบางคนจะบอกว่า โครงด้ามติดจะอวบใหญ่ไปนิดในความรู้สึกขณะจับถือครั้งแรก ๆ แต่เมื่อฝึกจับใช้ยิงไปนาน ๆ ก็จะเคยชินเองครับ

   เอช. & เค.ยู.เอส.พี. .45

   ปืนในตระกูล เอช.เค. นี่จะเรียกว่าเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี่เลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่เป็นผู้บุกเบิกการนำเอาพลาสติกดพลีเมอร์ มาทำชิ้นส่วนของอาวุธปืน ซึ่งยังคงอยู่ในรุ่น ยู.เอส.พี. .45 นี่ด้วยเช่นกัน และในรุ่นนี้ยังได้ใส่ระบบกลไกปฏิบัติการที่แตกต่างกันไปอีก 9 อย่างอยู่ในปืนกระบอกเดียวกัน โดยให้ผู้ใช้สามารถที่จะปรับเปลี่ยนกลไกปฏิบัติการได้ด้วยตนเองไม่เหมาะสำหรับคนขี้ลืมครับ เช่น ตอนเย็นนั่งคุยกันเรื่องปืนแกล้มเบียร์ แล้วก็ปรับเปลี่ยนกลไกไปมาเล่นรุ่งขึ้นกลับลืมไปว่าปรับกลไกไว้แบบไหนว่า อย่างนี้เป็นต้น

   นอกจากโพลีเมอร์ที่เป็นโครงปืนและด้ามจับแล้ว ชิ้นส่วนอื่น ๆ เป็นเหล็กหมด รูปร่างภายนอกประกอบไปด้วยเหลี่ยมมุมเส้นสาย ต่าง ๆ มากมายก็ดูสวยงามดี แต่ตรงนี้ก็เหมือนกับเพิ่มต้นทุนในการผลิตขึ้นมาอีกด้วยเช่นกัน ลำกล้องยาว 4 1/4นิ้ว ยาวตลอด 7 3/4นิ้ว และความหนาสุดของตัวปืนเท่ากับ 1 1/8นิ้วน้ำหนักปืนเปล่าหนัก 31 ออนซ์ (878กรัม) ราคาขายปลีกกระบอกละ $696 แถมแม็กกาซีนอีกหนึ่งอัน

   แม็กกาซีนของ ยู.เอส.พี. .45 บรรจุกระสุนได้ 10 นัด กลไกของปืนไม่มีระบบห้ามไกด้วยแม็กกาซีคันสำหรับควบคุมกลไกของปืน อยู่ทางด้านซ้ายด้านเดียว แต่ปุ่มปลดแม็กกาซีนที่อยู่ตรงตำแหน่งยอดนิยมสามารถใช้งานได้ทั้งสองด้าน น้ำหนักเหนี่ยวไกในระบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่นเท่ากับ 10 ปอนด์และ 5 ปอนด์ในระบบซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น

   ศูนย์ของ ยู.เอส.พี. .45เป็นแบบแต้มจุดขาวสามจุดหน้าหนึ่งหลังสอง มองเห็นได้ชัดเจนดี ศูนย์หลังปรับเลื่อนซ้ายขวาได้ ในการยิงทดสอบของ REES กับ เอช.เค. ยู.เอส.พี. .45 นั้นปืนสามารถย่อยกระสุนได้ทุกชนิดโดยไม่มีอาการขัดข้อเลยแต่อย่างใด การควบคุมปืนทำได้ง่าย ส่วนข้อดีข้อเสียนั้น REES บอกไว้อย่างนี้ครับ

   ข้อดีคือ ปุ่มปลดแม๊กกาซีนสามารถใช้งานได้ดีทั้งสองด้านเหมาะสำหรับผู้ที่ยิงถนันทั้งมือขวาและมือซ้าย ออกแบบโครงด้ามจับได้ดี ทำให้จับถือได้สะดวก การควบคุมปืนขณะยิงทำได้ง่ายและสามารถบังคับปืนให้กลับเข้าสู่จุดเล็งเดิมเพื่อยิงซ้ำนัดต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

   ข้อเสียก็คือ การบรรจุกระสุนนัดสุดท้ายคือนัดที่ 10 ลงในแมกกาซีนทำได้ยาก และผู้ทดสอบคงจะมือนิ่มไปหน่อย เลยโดนปืนกัดมือเอาอีกคือที่โครงด้ามด้านหลังนั้นจะมีลายสากกันลื่นไว้ให้ด้วย แกบอกว่าตรงนี้แหละครับที่ทำให้แกเจ็บมือเวลาทำการยิงอย่างต่อเนื่อง จำนวนหกกระบอกของปืนที่เข้าทดสอบในครั้งนั้น เท่ารัส พีที.-945 จะมีราคาถูกกว่าเขาเพื่อเลยละครับ แค่ $469 เอง ทำด้วยสเตนเลสส์ทั้งกระบอก โครงปืนขัดเงาสวยงามมากส่วนที่ลำเลื่อนจะเป็นแบบกึ่งเงากึ่งด้านครับเพื่อลดการสะอ้อนแสงเข้าตาผู้ใช้งานเวลายกปืนขึ้น แนวเง็งแก้มประกับด้ามทำจากพลาสติกสีดำ ที่เรียกว่า แซนโตพรีน

   ลำกล้องของ พีที.-945 ยาว 4 1/8นิ้ว ตัวปืนยาวตลอด 7 5/8นิ้ว สูง 5 1/2นิ้ว และมีส่วนที่หนาที่สุดเท่ากับ 1 นิ้ว น้ำหนักปืนเปล่า 30 ออนซ์ (850 กรัม) แม๊กกาซีนบรรจุกระสุนได้ 8 นัดและไม่มีแม๊กกาซีนอะหลั่ยแถมมาให้นะครับ ถ้าใครไปซื้อเท่ารัส รุ่นนี้มาใช้อย่าไปทวกกับทางร้านเข้าล่ะ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บนะจะบอกให้

   กลไกปฏิบัติการของ เท่ารัส พีที.-945 นั้นจะมีคันห้ามไกที่อยู่บนโครงปืนมาให้ทั้งสองด้าน สำหรับผู้ที่ถนัดมือซ้ายหรือมือขวาใช้งานได้สะดวก แต่คันลดลำเลื่อนและปุ่มปลดแม๊กกาซีนมีให้อยู่เพียงด้านซ้ายของปืนเพียงด้านเดียวครับ ปืนไม่มีกลไกการห้ามไก ด้วยแม็กกาซีน ตรงจุดนี้มือใหม่ควรศึกษาไว้ด้วยนะครับว่าปืนพกกึ่งอัตโนมัติของท่านสามารถห้ามไกด้วยแม็กกาซีนด้วยหรือไม่ ทดลองดูง่าย ๆ ด้วยการทำปืนให้ปลอดภัยเอาแม็กกาซีนออก ง้างนก (ถ้ามี) แล้วลองเหนี่ยวไกดูก็จะรู้ได้เลยครับจะได้ระวังเอาไว้ด้วยในจุดนี้

    ศูนย์ของ พีที. –945 เป็นแบบปืนยิงต่อสู้โดยตรง ดูจากในรูปผมว่าคล้ายของ โนแวค นะครับ ชุดศูนย์ทั้งหน้าและหลังสามารถปรับเลื่อนซ้ายขวาได้ การถอดปืนทำความสะอาดเบื้องต้นก็คล้าย ๆ กันกับปืนอื่น ๆ นั่นแหละครับ กดสลักล๊อคทางด้านขวาของปืนให้โผล่ไปอีกด้านหนึ่งแล้วก็หมุนสลักที่ว่าไปในทางตรงกันข้าม จากนั้นดึงออกแล้วก็ถอดปืนออกทำความสะอาดได้แล้ว

   ปฏิบัติการของปืนในขณะยิงทดสอบมีการขัดข้องสองครั้งจากกระสุน โกลด์ ด๊อท 185 เกรน แบบ จีดีเอชพี. ที่เมื่อบรรจุกระสุนเต็มแม๊กกาซีนจะมีอาการสะดุดชะงักในขณะที่ปืนทำงานตามวงรอบของระบบปฏิบัติการแบบกึ่งอัตโนมัติ และอีกครั้งจากกระสุนของ แบล็คฮิลล์ น้ำหนักหัวกระสุน 230 เกรนแบบ เจเอชพี. ที่จะเป็นในนัดสุดท้าย ในแม๊กกาซีนที่จะไม่ยอมป้อนเข้าซ่องรังเพลิงตามปกติ ส่วนกระสุนแบบอื่น ๆ นั้นสามารถย่อยได้หมดเกลี้ยงโดยไม่มีปัญหาอะไร น้ำหนักไกของ เท่ารัส พีที.-945 ในระบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่น เท่ากับ 10 ปอนด์และในระบบซิงเกิ้ล แอ๊คชั่นจะหนัก 4 ? ปอนด์ครับ

   จากความเห็นของผู้ทดสอบ เป็นปืนดีราคาประหยัดระบบลั่นไกดี กลุ่มกระสุนดี ข้อเสีย ก็มีตรงที่แม็กกาซีนไม่ยอมเข้าไปในช่อง เสียบที่โครงด้ามได้สนิทดีนักยังมีช่องว่างให้เห็นประมาณ 1/8นิ้ว และผิดปืนเป็นเงามากไปนิด

   รูเกอร์ พี 90

   กระบอกสุดท้ายละ ครับ อเมริกัน เมด 100% จากโรงงาน STURM RUGER ทำด้วย สเตนเลสส์ทั้งกระบอก แก้มประกับด้ามหล่อมาจากสารพวกพลาสติกยุคใหม่ที่มีชื่อเรียว่า XENOY RESIN มีลายกันลื่นให้ด้วย ลำกล้องปืนยาว 4 3/8นิ้ว ปืนยาวตลอด 7 3/4นิ้วและมีส่วนหนา 1 ? นิ้วน้ำหนักปืนเปล่า 33 ออนซ์ (935 กรัม) แม็กกาซีน บรรจุกระสุนขนาด .45 เอ.ซี.พี. ได้ 7 นัด มีแม็กกาซีนอะหลั่ยแถมให้อีกหนึ่งอัน อย่าลืมทวงล่ะครับตอนซื้อปืนมาน่ะราคาแพงกว่า เทารัสนิดหน่อย คือ $489 ครับ

   กลไกปฏิบัติการของปืนจะมีคันห้ามไกอยู่บนลำเลื่อนทั้งสองด้าน แต่ถ้าเป็นรุ่น พี.90 ดี. จะเป็นคัน ลดนกแทนและไม่มีการห้ามไกด้วยแม๊กกาซีนในทั้งสองรุ่น ศูนย์ทั้งหน้าและหลังแต้มจุดขาวช่วยในการเล็งยิง ศูนย์หลังสามารถปรับซ้ายขวาได้ด้วย การหมุนสกรูแบบ ALLEN สกรูแบบนี้ช่างบ้านเราจะเรียกกันว่า น๊อตหัวจม พอนึกออกไหมครับ หัวสกรูจะเป็นช่องหกเหลี่ยวมที่เวลาจะหมุนเข้าหรือหมุนออกต้องใช้ประแจ แอล หรือกุญแจ หากเหลี่ยมตามที่บ้านเราเรียกกัน น้ำหนักเหนี่ยวไกในระบบดับเบิ้ลแอ๊คชั่น 13 ปอนด์และในระบบซิงเกิ้ล แอ๊คชั่นเท่ากับ 3 1/4ปอนด์ ปฏิบัติการของปืนกับกระสุนทุกชนิดที่นำมายิงทดสอบผ่านตลอดครับ สามารถยิงกระสุนทุกแบบได้โดยไม่มีอาการขัดข้องเลย

   REES บอกว่า ปืนมีกลไกดีไม่ติดขัด แต่ระบบห้ามไกใช้ไม่ค่อยถนัดและเมื่อจับถืปืนอยู่ในมือจะมีอาการฝืน ๆ ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนกับปืนกระบอกอื่น ๆ ที่นำมาทดสอบด้วยกัน

   ตารางข้างล่างนี้ จะแสดงให้เห็นถึงกระสุนที่ปืนแต่ละกระบอกทำได้จากกระสุนต่างชนิดกัน เอาไว้ดูครับว่าปืนของท่านนั้นจะชอบเคี้ยวกระสุนอะไรแล้วพ่นกระสุนนั้นออกมาได้กลุ่มดีที่สุด จากกระสุนระดับ แมนสต๊อปเปอร์ ขนาด .45 เอ.ซี.พี.

ชนิดกระสุนแบบปืน

เรมิงตัน 230 เกรน เจ.เอช.พี.

สเปียร์

โกลด์ด็อท200

เกรนเจ.เอช.พี

แบล็ค ฮิลล์ 185 เกรน เจ.เอช.พี.

วินเชสเตอร์

230 เกรน

เอฟ.เอ็ม.เจ

ฮอร์นาดี้ 200

เกรน เอ๊กซ์.ที.พี

ซิก-ซาวเออร์ 220

เอส.& ดับบลิว 4506

กล็อค 21

เอชเค ยู.เอส.พี

เทารัส พีที 945

รูเกอร์ พี 90

2 3/8นิ้ว

3 7/8นิ้ว

2 1/4นิ้ว

2 1/4นิ้ว

3 1/4นิ้ว

3 1/4นิ้ว

3 นิ้ว

3 5/8นิ้ว

3 1/8นิ้ว

3 นิ้ว

4 นิ้ว

2 1/8นิ้ว

2 1/4นิ้ว

4 นิ้ว

3 1/8นิ้ว

2 7/8นิ้ว

3 1/4นิ้ว

3 7/8นิ้ว

3 1/4นิ้ว

3 1/8นิ้ว

1 1/4นิ้ว

3 7/8นิ้ว

4 1/8นิ้ว

2 1/8นิ้ว

2 1/8นิ้ว

4 1/4นิ้ว

3 นิ้ว

3 3/8นิ้ว

3 7/8นิ้ว

4 1/8นิ้ว

ขอขอบคุณ Guns world Thailand ที่ได้อนุญาตให้นำบทความมาจัดทำ website นี้

Back Next Page

(--[Main]-*-[Links]-*-[Search]-*-[Pager]-*-[Contact]-*-[E-mail]--)