Home

ยา

ผู้หญิง

เด็ก

เครื่องสำอาง

ปฐมพยาบาล

โรคทั่วไป

อื่นๆน่าสนใจ

สอบถามปัญหา

ริดสีดวงทวารหนัก - Hemorrhoid

Last update : 29/01/43

This Page
Related Topic
Interesting Web


เชิญติชม สอบถาม เสนอแนะครับ

ติชม หรือสอบถามได้ที่นี่ครับ
ชื่อ
email
ติชม เรื่องที่อยากสอบถาม

 

บทนำ        

หัวริดสีดวงทวารหนัก คือ อาการเส้นเลือดดำโป่งพองของเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนัก ซึ่งเกิดจากแรงดันภายในเส้นเลือดมากขึ้น คล้ายคลึงกับอาการเส้นเลือดขอดที่บริเวณขา

ปัจจัยที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวารหนัก คือ

  • การยืนหรือนั่งติดต่อกันนาน
  • แรงเบ่งในช่วงการถ่ายอุจจาระซึ่งเกิดจากการท้องผูก หรือท้องเสีย
  • การตั้งครรภ์
  • การกระทบกระเทือน
  • ความอ้วน
  • กรรมพันธุ์
  • ความเสื่อมตามธรรมชาติของผนังเส้นเลือด

หัวริดสีดวงทวารหนักแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

  • ภายใน อาจจะยื่นยาวออกมาภายนอกด้วยก็ได้ ประเภทนี้ไม่เจ็บ เนื่องจากไม่มีประสาทรับความรู้สึก
  • ภายนอก เกิดจากกลุ่มเส้นเลือดบริเวณปากทวารหนักนอกกล้ามเนื้อหูรูด ประเภทนี้เจ็บปวดมาก เนื่องจากมีประสาทรับความรู้สึกมาหล่อเลี้ยง
อาการ        

ผู้ป่วยมักพบมีเลือดติดอยู่ที่อุจจาระ หรือที่กระดาษชำระ หรือในโถส้วม และอาจมีอาการยื่นยาวของหัวริดสีดวงทวารหนักออกมาข้างนอก ทำให้เกิดอาการระคายเคือง เจ็บปวด บวม

อาการริดสีดวงทวารจะรุนแรงมากขึ้น ถ้ามีการถูไถ เช็ดด้วยกระดาษชำระ อุจจาระแข็งมาก ทานอาหารรสเผ็ดจัด

ความรุนแรงของอาการในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน พบว่าหลายๆคนไม่เคยมีอาการเลย ถึงแม้จะเป็นริดสีดวงทวารก็ตาม

โดยทั่วไป ริดสีดวงทวารหนักไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และอาจจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน ถ้าแก้ปัญหาการท้องผูกได้

โรคที่เกิดบริเวณทวารหนักที่มีอาการใกล้เคียงกันมาก ได้แก่ การฉีกขาด, ฝี, การระคายเคือง, คัน บริเวณทวารหนัก

พบบ่อยแค่ไหน        

โรคนี้เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากทั้งเพศชายและหญิง

ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นพบในผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปี

พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร เนื่องจากแรงกดดันภายในช่องท้องที่เกิดจากเด็กในครรภ์ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้เส้นเลือดขยายตัว แต่กรณีนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

การรักษา        

จุดประสงค์ของการรักษาคือการบรรเทาอาการ ได้แก่

  • นั่งแช่น้ำอุ่น วันละหลายๆครั้ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
  • ประคบด้วยน้ำแข็ง เพื่อลดการบวม
  • ใช้ยาครีม หรือขี้ผึ้ง หรือยาเหน็บเพื่อลดอาการบวม เจ็บ ปวด อักเสบ และหล่อลื่น โดยใช้ระยะสั้น

การรักษาจะให้ได้ผลดี จำเป็นจะต้องดำเนินไปพร้อมกับการใช้มาตรการป้องกันที่ดี ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100 % แต่ก็สามารถช่วยลดความรุนแรงลงได้ หัวใจหลักของมาตรการป้องกันก็คือการลดแรงกดดันต่อเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก และลดการระคายเคืองในผนังลำไส้และทวารหนักได้แก่

  • การเพิ่มอาหารที่มีเส้นใยอาหาร หรือ ไฟเบอร์ มากขึ้น พบในผัก ผลไม้ ธัญพืชมาก มีผลให้อุจจาระนิ่มลง ทำให้การทำงาน การบีบรูดตัวของลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การถ่ายอุจจาระง่ายขึ้น ในกรณีที่มีอุปสรรคทำให้ทานอาหารประเภทที่มีไฟเบอร์มากไม่ได้ การใช้อาหารเสริมหรือยาประเภทไฟเบอร์เสริมเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
  • หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งติดต่อกันนานเกินไป ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองในผนังลำไส้ใหญ่
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะสามารถเป็นสาเหตุของโรคตับ ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันภายในช่องท้องมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระเช็ดถูอย่างรุนแรง ควรใช้น้ำล้างและใช้กระดาษชำระซับให้แห้ง
  • แก้ไขปัญหาท้องผูกอย่างถาวร ด้วยการทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ออกกำลังกายเป็นประจำ ฝึกการถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา อย่านั่งถ่ายอุจจาระนานเกินไป ดูเพิ่มเติมได้ที่เรื่องท้องผูก

การผ่าตัด

ในบางกรณีจำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัด โดยเฉพาะที่เป็นหัวใหญ่มาก ยื่นยาวออกมาและยัดไม่เข้า กรรมวิธีการผ่าตัดมีหลายวิธี ดังนี้

  • ใช้ห่วงยางรัดบริเวณฐานของหัวริดสีดวงทวาร ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยง ก็จะฝ่อเหี่ยวแห้งไป และหลุดออกไปในที่สุด
  • ใช้การฉีดยาบางชนิดเข้าไปที่หัวริดสีดวงทวาร ทำให้ฝ่อไป
  • แสงเลเซอร์ หรือไฟฟ้า หรือแสงอินฟราเรด ส่องทำให้เกิดการไหม้
  • การผ่าตัดออก เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดหัวริดสีดวงทวารนั้นๆออกไปอย่างถาวร
Post a Message in My Message Board!

ถ้าท่านชอบ web  นี้ 
ท่านที่ต้องการสอบถาม เสนอแนะ เชิญครับ mailto:vichiena@yahoo.com
ขอขอบคุณ Geocities.com ที่ให้พื้นที่ฟรีสำหรับการจัดทำ Web Site นี้
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่สำคัญ discoveryhealth | mediconsult | mayohealth | medscape.com | healthylives | สมาคมแพทย์โรคผิวหนัง USA | fda.gov | my.yahoo.com