(ไร้)สาระ?
| สงฆ์ยนต | มหาเศรษฐีกับศาสนา | เครื่องซักคน | ศรัทธาอันงมงาย |

สงฆ์ยนต(Robot Priest)
~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ณ สØสานกลางของเมืองโยโกฮามา
"สงฆ์ยนต์" ตัวแรก (หรืององค์แรก?) ของโลกกำลังทำหน้าที่
เขาสวมชุดดำสนิก สวมหมวกสีดำยาวคลุมถึงไหล่
อันเป็นชุดที่สงฆ์ในพุทธศาสนาหลายนิกายของญี่ปุ่นสวมใส่ในพิธีสวดศพ
เขาสามารถสวดตามแบบพิธีกรรมของนิกายต่าง ๆ ถึงสิบนิกาย
ดวงตาเขาหลับ ศีรษะโค้งต่ำ ริมฝีปากและกล้ามเนื้อใบหน้าขยับขณะเปล่งเสียงสวด
มือหนึ่งยกระดับอก อีกมือเคาะไม้เป็นจังหวะ เขาไม่เหน็ดเหนื่อย และแน่นอน ไม่เคยสวดข้ามตอนไหนไปเลย
"ทุกวันนี้ สงฆ์ส่วนมากทีเดียวไม่คอยขยัน" นายฮิราตะ อิซาโอ ผู้สร้างสงฆ์ยนต์ให้อรรถาธิบาย
"พวกเขาสวดตอนเช้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ แล้วก็ขับรถออกไปเล่นกอล์ฟ"
สงฆ์ยนต์ตัวนี้ใช้เงินในการสร้างประมาณสิบล้านบาท รูปร่างหน้าตาภายนอกไม่ผิดเพี้ยนจากคน
นอกจากทำหน้าที่สวดในพิธีรำลึกถึงผู้ตายและโอกาสอื่น ๆ ที่มีผู้ติดต่อแล้ว
เขายังสวดมนต์ทุกเช้าเพื่อวิญญาณผู้ตาย ตามที่ญาติโยมขอให้
ผู้จัดการสุสานกล่าวว่า มีผู้ติดต่อขอใช้บริการจากสงฆ์ยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ
และมีสงฆ์คนหลายองค์ที่ได้มาชม "คู่แข่ง" ของตน "พวกเขาบอกว่าเทคนิคของเรายอดมาก"
บริษัทของฮิราคตะได้รับการติดต่อให้สร้างสงฆ์ยนต์อีกหลายตัวเพื่อใช้ในลักการสถานในภาคเหนือของญี่ปุ่น
สภาวะเศรษฐกิจถดถอยในญี่ปุ่นเป็นเพี่ยงสาเหตุเดียวที่สงฆ์ยนต์ยังไม่แพร่หลาย
นายฮิราตะ ยืนยันว่าภายในสิบปี ทั่วญี่ปุ่นจะมีสงฆ์ยนต์เข้าประ¨Óการ
"เดี๋ยวนี้ พวกเด็กหนุ่มไÁèอยากเป็นสงฆ์" นายฮิราตะอธิบายอีก
"ในอดีต พวกลูกชายจะเป็นสงฆ์ตามพèอของเขา
และรับเอาภารกิจในการบริหารวัดวาอาราม ซึ่งก็เหมือนกับการดำเนินธุรกิจครอบครัว
ที่เราสร้างสงฆ์ยนต์ก็ด้วยเหตุผลเดียวกับที่ในโรงงานขาดแคลนคนงานที่มีคุณภาพ
ตอนนี้พระสงฆ์กำลังเป็นที่ต้องการมาก เราก็สร้างสงฆ์ยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการ "
ท่านผู้อ่านลองขบคิดเป็นอาหารสมองเล่น ๆ ดูทีหรือ
ว่าหากคาทอลิกของเราจะมี "สงฆ์ยนต์"
หรือยิ่งกว่านั้น "สังฆราชยนต์" บ้างล่ะ ?

Go top

โถส้วมไฮเทคในญี่ปุ่น
~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

เรื่องของ "ส้วม" เมื่อพิจารณาให้ดี จะรู้ได้ว่าเป็นทั้งเรื่องในด้านสาธารณสุข และในด้านวัฒนธรรมของชาตินั้น ๆ นอกจากความสะอาดความถูกสุขลักษณะอนามัยแล้ว ส้วมยังบ่งบอกถึงความรักระเบียบความประณีตในการดำรงชีวิต มีการออกแบบส้วมและโถส้วม ตลอดจนอิริยาบถในการผ่อนทุกข์ในส้วมที่แตกต่างกัน จากชาติหนึ่งไปอึกชาติหนึ่ง

ผู้ทีไปเยี่ยมเยือนประเทศจีนมาแล้ว ไม่ว่าจะในนครหลวงปักกิ่ง หรือเมืองอื่น ๆ เช่น คุนหมิง ต้าหลี ซีอาน ล้วนแต่ต้อง "ผจญ" กับ "ส้วม" ที่ถ้าไม่ถึงขนาดทนไม่ไหวแล้ว เป็นไม่เข้าดีกว่า!! และเมื่อไปเข้าก็ต้อง "ทำใจ" ขนาดหนักทีเดียว เพราะมีส้วมทั้งที่นั่งแล้ว มีประตูเตี้ย ๆ ปิด เห็นผู้ใช้ส้วมชูคอเหนือประตู หรือส้วม ชนิดคูหาโทรศัพท์เป็นซอง ๆ ชนิดไม่มีใครสนใจใคร ไปจนถึงส้วมหลุมที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า อยู่ที่ไหน

แต่ในญยี่ปุ่น นั้น ตรงกันข้ามเลย ผู้ไปเยือนญี่ปุ่น ยกเว้นในชนบทห่างไกลมาก ๆ จึงจะพบ "ส้วม" ที่ไม่สะดวกสบายโดยเฉพาะสังคมอุตสาหกรรมและสังคมเทคโนโลยี ของญี่ปุ่นนั้น การคิดค้นไม่มีวันหยุดได้ มิฉะนั้นแล้วประเทศอาจหลุดจากระดับมหาอำนาจทางอุตสาหกรรม ซึ่ง ส้วม ก็มีส่วนเป็น "สนามฝึก" ของผู้สใช้สมองประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ออกสู่โลกอย่างน่าสนใจทีเดียว

เมื่อผู้เขียนไปศึกษาดูงานด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่ ศูนย์ประสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสืทธิทางปัญญาของเอเปก ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโตเกียว นั้น ได้พบ "ส้วม" ที่นับว่าก้าวหน้ายอดเยี่ยมในห้องทำงานของศูนย์ ส้วมที่ว่ามีลักษณะรูปแบบของสากล ไม่ใช่แบบวัฒนธรรมญี่ปุ่น เนื่องจากอยู่ในองค์กรระดับสากลของญี่ปุ่น ที่ว่าแปลกก็คือ แปลกในความช่างคิดของคนญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงแต่ออกแบบส้วมให้สวยงาม สะอาดเอี่ยม แต่ยังให้ความสุข ความสบาย แก่ผู้ปลดทุกข์ โดยเพิ่มชิ้นส่วนทางไฟฟ้าและอิเล็นทอนิกส์เข้าไปด้วย จนกลายเป็น "โถส้วม" ที่มีความเท่ในตัวของมันเองอยู่ไม่น้อย

เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ ได้พบ "ส้วม" แปลกกว่าที่เคยเห็นมาทั้วโลกกล่าวคือ มีส่วนที่ยื่นออกมาข้าง ๆ โถส้วมคล้ายพนักเท้าแขนเก้าอี้ในเครรื่องบิน ที่พนักนั้นมีปุ่มอยู่หลายปุ่ม ต้องใช้เวลาศึกษาอยู่นาน เพราะเกรงว่าถ้ากดผิด อาจจะเกิดผลที่ไม่ต้องการแาผู้ปลดทุกข์ได้ เช่น น้ำพุ่งเข้าหน้า หรือน้ำท่วมโถ หรืออะไรที่คิดไม่ถึง!!

ในภาพที่ลงไว้ให้ดูนี้ จะเห็น "โถส้วม ไฮเทค" ของญี่ปุ่น มีปุ่มที่เกี่ยวกับ "น้ำ" และ "ภาวะอากาศใต้กัน" รวม 6 ปุ่ม ตั้งไว้ในปีกที่คล้ายเท้าแขนทำด้วยพลาสติกหล่อเสริมเข้าไปจากฝาโถส้วมนั้น

โดยที่ในญี่ปุ่นมีช่วงเวลาที่อากาศหนาว แป้นที่นั่งบนโถส้วมจะเย็นจัด นักประดิษฐ์ญี่ปุ่นจึงคิดถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สส้วม โดยทำให้แป้นวงกลมที่นั้ง มีลักษณะกลวงแล้วอัดไอน้ำที่สร้างความอบอุ่นไปรอบวงแป้นที่นั่ง ในภาพจะเห็น ปุ่มบนและล่าง ทางด้านซ้ายมือของพนัก ปุ่มบน สำหรับผู้นั่งที่ต้องการความเย็นตามปกติ ถ้าต้องการให้อบอุ่นกดปุ่มล่าง ไอน้ำร้องจะวิ่งเข้าบรรจุในวงแป้น จะทำให้แป้นที่นั่งอุ่นด้วยไอน้ำร้อน ปุ่มบนสุดขวามือคือปุ่มปิดน้ำที่ฉีดไปที่ก้น ส่วนปุ่มทีแสดงไว้เหมือนรูปเลข 3 อารบิก หรือรูป ก้น คน นั้นปุ่มบนซวึ่งมีขอบสีฟ้า เป็นปุ่มที่ผู้ใช้กดให้น้ำที่ออกมาชะล้างก้น เป็นน้ำเย็น ส่วนปุ่มสีน้ำตาลล่างลงมาเป็นปุ่มที่ผู้ใช้กดให้น้ำที่ออกมาชะล้างเป็นน้ำอุ่น ปุ่มใหญ่สุดข้างล่างเป็นปุ่มปรัยระดับความแรงของน้ำที่ฉีดออกจะให้แรงหรือเบา หรือให้พลังน้ำสร้างควานุ่มนวลแก่ก้นของผู้ใช้ก็เบือกปุ่มได้ตามใจชอบ

ผู้เขียนได้ดูงานที่ศูนย์ ฯ นี้ 15 วันได้ทำไมตรีกับ "ส้วม" ที่ว่าด้วยความสะดวกสบาาาย ประทับใจในสิ่งประดิษฐ์นี้มาก และประทับใจในความช่างคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของคนญี่ปุ่น ที่สร้างอะไรแปลกใหม่ไม่เคยหยุดยั้ง จึงอยากตั้งฉายา "ส้วม" ฝีมือนักประดิษฐ์ญยี่ปุ่นนี้ว่า "ส้วมไฮเทค" !!

ผู้เขียนเห็นวาเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่แสดงถึงความคิดค้นคว้าของนักประดิษฐ์ที่ไม่วันหยุดได้ ในโลกที่ต้องแข่งขันภายใต้บรรยากาศแห่งการค้าเสรีในปัจจุบัน ซึ่งพลังของสมองมนุษย์เป็นส่วนที่จะต้องแข่งขันกันอย่างสุดขีดในอนาคต เป็นการช่วยกันปลุกพลังในประเทศของเรา ให้มาช่วยกันสร้างฐานของเทคโนโลยีไทยให้แข็งแกร่งต่อไป

Go top

 

เครื่องซักคน
~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

เห็นแต่เครื่อง "ซักผ้า" บัดนี้ญี่ปุ่นเจ้าแห่ง "นวัตกรรมไฮ-เทค" โชว์ผลงานสิ่งประดิษฐ์น่าทึ่งอีกแร้ว…เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ "ซักคน" เพียงคุณยึดตัวลงในโมดูลโลหะเคลือบรูปร่างคล้ายรังไหมที่หุ้มห่อตัวดักแด้ โผล่เฉพาะศีรษะออกมา (ข่าวไม่แจ้งชัดต้องแก้ผ้าล่อนจ้อนมั๊ย…คงเปลือยล่ะนะ) "สิบเจ็ดนาทีให้หลัง…ร่างกายคุณก๊อสะอาดหมดจด เหงื่อไคลปลาสนาการสิ้น กลิ่นตัวหอมกรุ่น ๆ ละมุนละไมเชียวแหละค่ะ" นางสาวมาริ โอคุมูระ โฆษกี ของเอแวนต์ จำกัด บริษัทผลิต "เครื่องซักคนอัตโนมัติ" แจกแจงแจ้ว ๆ "อุปกรณ์ฉีดพ่นน้ำสบู่หอมใส่เรือนกายทุกซอกทุกหลืบ-ชำระล้างด้วยน้ำสะอาด-พรมน้ำหอม ออกจากเครื่องคุณจะไม่เปียกแฉะเหมือนอาบน้ำธรรมดา เพราะรังสีอัลตรา-อินฟราเรดและลมโชยอ่อน ๆ โลมไล้เป่าละอองน้ำจนตัวคุณแห้งสนิท รู้สึกสดชื่นเหมือนยืนบนเนินเขา "เราเพิ่งเปิดบริการที่ห้องเสริมสวยของบริษัทในโตเกียว มีลูกค้าจอง "ซักตัวคน" เต็มเหยียดทุกเย็นตลอดเดือนหน้าครับ" ทาดาโอะ มอริโมโตะ อวดสรรพคุณ สนนราคาเครื่องละ 18 ล้านเยน (6,760,000 บาท) ต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะแพร่หลายตามบ้านเรือน แต่ถ้าไปใช้บริการตามร้าน ซักตัวทีนึงแค่ 380 บาทเอง บูมระเบิดแน่..หลังเลิกงานเข้าร้าน "ซักคน" แล้ว "ไปตามนัด" ได้ปร๋อทันทีไม่ต้องเสียเวลากลับบ้านอาบน้ำก่อน

Go top

 

ศรัทธาอันงมงาย
~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

ยิ่งสาวยิ่งลึกสำหรับเหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่ของกลุ่มคลั่งลัทธิโลกาวินาศในยูกันดา จากเดิมที่เชื่อกันว่าเป็นคดีฆ่าตัวตายธรรมดา กลับส่อเค้ากลายเป็นคดีฆาตกรรมหมู่ครั้งมโหฬารที่อำมหิตเลือดเย็นที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ล่าสุดตำรวจยูกันดาพบศพเหยื่อลัทธิอุบาทว์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 800 ศพแล้ว สภาพศพแต่ละราย ถ้าไม่ถูกรัดคอก็ถูกย่างสด ถูกแทง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านี่คือการฆาตกรรมชัด ๆ ไม่ใช่เรื่องลัทธิความเชื่อแล้ว กลุ่มคณะบุคคลที่ก่อตำนานอันหฤโหดครั้งนี้มีชื่อว่า "ขบวนการฟื้นฟูบัญญัติ 10 ประการ ของพระเจ้า" ซึ่งเป็นกลุ่มคลั่งลัทธิที่เชื่อในวันสิ้นโลกโดยผสมผสานความเชื่ออันงมงายเข้ากับแนวคิดของคริสต์ศาสนา ประวัติความเป็นมาของลัทธินี้ลึกลับดำมืดพอ ๆ กัน ศาสดาผู้ก่อตั้งลัทธิมีชื่อว่า นายโจเซฟ คิบเวเทเร อายุ 68 ปี เป็นชาวยูกันดาโดยกำเนิด เดิมทีเป็นบาทหลวงสอนหนังสือในโรงเรียนคาทอลิก แต่จู่ ๆ ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ก็แยกตัวออกจากคริสต์จักร พร้อมกับอวดอ้างว่าสามารถติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้โดยตรง ปี 2527 บาทหลวงจอมเพี้ยนผู้นี้ก็ประกาศว่า พระเยซูคริสต์และพระแม่มารีได้เสด็จมาหาเขา พร้อมทั้งสั่งการให้เขาเผยแพร่สารสวรรค์ไปยังผู้มีศรัทธา ซึ่งทำนายว่าโลกมนุษย์จะถึงกาลแตกดับภายในต้นปี 2000 นายโจเซฟเขียนหนังสือบรรยายวันอวสานของโลกไว้อย่างน่าสะพรึงกลัวว่า โลกจะถูกทำลายโดยโรคระบาดและมหาวาตภัยในปี ค.ศ.2000 จากนั้นทั่วพื้นพิภพจะตกอยู่ในความมืดมิดนาน 3 วัน ประชากรโลกสามในสี่จะล้มตายลง มีเพียงผู้ศรัทธาในตัวนายโจเซฟเท่านั้น ที่จะอยู่รอดและได้เห็นยุคพระศรีอาริย์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 นายโจเซฟได้รวมกลุ่มกับบาทหลวงชื่อโดมินิก คาตาริบาโบ และอดีตโสเภณีชื่อนางเคเลโดเนีย อูมเวรินเด ก่อตั้งโบสถ์ของลัทธิสั่งสอนผู้คนในเมืองคานันกู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูกันดา จนมีสาวกรวมกันถึง 4,500 คน และมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูกันดา ลัทธิอุบาทว์นี้มีวัตรปฏิบัติที่พิลึกกึกกือ สาวกทุกคนต้องสวดมนต์และทำงานหนักวันละ 12 ชั่วโมง ทรัพย์สินทุกอย่างต้องถวายให้ลัทธิหมด สาวกชายหญิงต้องแยกกันอยู่ห้ามมีเซ็กซ์กันเด็ดขาด ทุกคนต้องอดอาหาร 2 วันต่อสัปดาห์ และสื่อสารกันด้วยภาษามือ เพราะถูกล้างสมองว่าใครที่พูดคุย ในวันสิ้นโลกจะไม่ได้ยินเสียงระฆังเรียกสู่สรวงสวรรค์ ก็เลยกลายเป็นใบ้ทั้งลัทธิ แต่เจ้าลัทธิเพี้ยนก็ต้องมาตายน้ำตื่น เมื่อโลกไม่ยอมแตกดับในวันที่ 31 ธ.ค. ปีที่แล้วตามคำทำนาย สาวกหลายคนก็เลยเริ่มรู้แกวว่างานนี้ตูถูกหลอกเข้าให้แล้ว เลยทวงทรัพย์สินคืน เมื่อจนตรอกหนักเข้า นายโจเซฟก็เลยสร้างวันโลกาวินาศขึ้นมาเอง ด้วยการล่อสาวกไปติดกับและจุดไฟเผาย่างสดหมู่ในวันที่ 17 มี.ค. เรียกว่าเมื่อวันสิ้นโลกยังมาไม่ถึง กูก็จะเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเสียเอง บ้าหรือไม่บ้าดูเอาก็แล้วกัน ข่าวยูกันดาเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่าแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นอ่อนแอ ต้องการที่พึ่งทางใจและคนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อคนฉลาด โศกนาฏกรรมเช่นนี้จะเกิดขึ้นซ้ำซากไม่มีวันจบ ตราบใดที่คนเรายังงมงายไร้เหตุผล

Go top
Back to Home Page