๔๙.ทำอย่างไรจึงจะทำให้ชาวพุทธไทยสมัยใหม่มีความเข้าใจ
ในพระพุทธศาสนาได้ถูกต้อง ไม่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาทำให้
ประเทศไทยไม่เจริญเท่าฝรั่ง พระพุทธศาสนาทำให้เพ้อฝัน
เพราะสอนให้มักน้อยสันโดษ ?
        เรามีคำประโยคหนึ่งว่า
"คนต้องนำ สัตว์ต้องต้อน"
        อันเป็นการแสดงปกติของคนกับสัตว์ซึ่งแตกต่างกัน เราต้องการให้สัตว์เดินไปทาง
ใด ก็ต้องต้อนให้เดินไป แต่คนทำอย่างนั้นไม่ได้ คนต้องอาศัยการนำ โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่ง นำด้วยการปฏิบัติ แม้ในหมู่สัตว์ก็มีลักษณะอย่างนั้นคือว่าสัตว์จะต้องเดินไปตาม
จ่าฝูงหัวหน้าตลอดไป ปัญหาเรื่องผู้นำทางศีลธรรมจึงเป็นปัจจัยสำคัญมาก ในการที่
จะนำสังคมไปสู่ทิศทางที่สังคมต้องการ ข้อนี้ทางพระพุทธศาสนาได้แสดงไว้ว่า
        "เมื่อโคว่ายน้ำข้ามฟากไปอยู่ หากโคจ่าฝูงว่ายไปตรงโคทั้งฝูงก็ว่ายไปตรงด้วย หากจ่าฝูงว่ายไปคดโคทั้งฝูงก็ว่ายไปคดตาม"
        ในสังคมของคนก็เหมือนกัน คนใดได้รับสมมติให้เป็นใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่ หากคน
นั้นประพฤติธรรม คนทั้งปวงก็พลอยประพฤติธรรมตาม หากว่าหัวหน้าไม่ประพฤติ
ธรรมคนทั้งหลายก็ไม่ประพฤติธรรมตามไปด้วย
        แต่สภาพสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
        การไม่ยอมรับนับถือคุณค่าทางศีลธรรม ได้รับการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ
ในกลุ่มคนที่มีบทบาทอย่างสำคัญในการกำหนดวิถีชีวิตของเยาวชน แม้ว่าบางคนจะ
ตระหนักถึงความจำเป็นทางด้านศีลธรรม
        แต่ทำไปในลักษณะมือถือแก้วเหล้าปากพร่ำสอนเยาวชนให้เห็นโทษของการ
ดื่มเหล้าและคนเหล่านั้นมีอยู่ไม่น้อยที่อยู่ในตำแหน่งใหญ่ๆที่ถือกันว่าเป็นผู้มีเกียรติ
        คนสมัยใหม่ไม่ใช่เป็นคนเลวร้ายอะไร กลับเป็นคนดีที่มีเหตุผล เขาพร้อมที่จะรับฟัง
เหตุผลที่แสดงออกไปแล้ว ไม่ทำให้เขาเห็นว่าขัดแย้งกันกับการกระทำของผู้ที่เดินไป
ข้างหน้าเขา การคิดจะแก้ไขปัญหานี้จึงขึ้นอยู่กับการสร้างปัจจัยทางสังคมในลักษณะ
ที่ให้คนสมัยใหม่ๆเห็นคุณค่าทางศีลธรรมจนสามารถปรับสภาพจิตให้เกิด
        "การยอมรับ นับถือ เชื่อฟัง และศรัทธา ที่จะทำตาม"
        หากต้องการให้เกิดผลที่ตนต้องการก็ต้องเริ่มจากสถาบันครอบครัวซึ่งมีบบทบาท
อย่างสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางของเยาวชน
        การจัดการศึกษาในเรื่องศาสนาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของนักเรียน คือเรียนไปแล้ว
ใช้ได้ทันทีเหมือนเรียนวิชาสุขศึกษา ว่าด้วยการอาบน้ำ ชำระฟัน กินอาหารสะอาด เป็นต้น ซึ่งเมื่อพูดไปแล้ว ผู้ฟังเกิดเห็นจริง เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น
        การยกย่องคนทำความดีที่ถูกต้องตามหลักของศีลธรรม กฎหมายให้ปรากฏ เป็นต้น
เมื่อทำเช่นนี้แล้วความสนใจที่จะศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมก็จะติดตามมา ความคับใจข้อง
ใจในระบบคำสอนบางประการดังที่ยกตัวอย่างมานั้น เกิดขึ้นเพราะขาดการศึกษา
โดยเหตุผลของศาสนา
        เมื่อคนในสังคมได้รับการปรับทัศนคติทางศีลธรรมจากจุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเขา
ไม่เป็นการยากที่จะทำความเข้าใจในหลักการและวิธีการของศาสนา
         อย่าลืมว่า พัฒนาการทางจิตย่อมมีความสำคัญกว่าพัฒนาทางด้านวัตถุ แต่หากจะ
ทำให้เกิดขึ้นได้ทั้งสองฝ่ายย่อมเป็นการดียิ่งขึ้น
        การที่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนานั้นให้เข้าใจว่าไม่ใช่เพราะหลักธรรมใน
พระพุทธศาสนา แต่เพราะปัจจัยหลายอย่างที่ร้ายแรงที่สุด
        "คือการละเลยศีลธรรมในศาสนา อันออกผลมาเป็นการคอร์รัปชั่น อบายมุขในรูป
แบบต่างๆ อาชญากรรมซึ่งแต่ละอย่างหากคนสนใจและปฏิบัติตามหลักธรรมในศาสนา
แล้วจะไม่เกิดขึ้นเลย และประเทศไทยจะเจริญมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งเป็นความ
เจริญอย่างมีสัดส่วนระหว่างวัตถุกับจิตใจ ไม่เป็นความเจริญแต่วัตถุแต่จิตใจต่ำซึ่ง
เป็นความเจริญแบบคนปัญญาอ่อน.

๕๐.ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนไทยสนใจในพระพุทธศาสนาและ
ผู้ที่สนใจอยู่แล้วได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คนที่
ไม่สนใจพระพุทธศาสนาบางคนคิดว่าไม่จำเป็นบ้าง อายบ้าง พระพุทธศาสนาล้าสมัยบ้าง ?
        ปัญหาข้อนี้เกี่ยวเนื่องกับข้อก่อนจึงจะตอบในประเด็นที่แตกต่างออกไปการสร้าง
ความสนใจในพระพุทธศาสนาเหมือนกับการสร้างความสนใจในเรื่องอื่นๆ จำเป็นจะต้อง
มีวิธีการและหลักการในการดำเนินงานเพื่อเรียกร้องความสนใจ การยอมรับ นับถือ ในสิ่งนั้นๆ
        เป็นเรื่องปกตินิสัยของคนประการหนึ่งคือการให้ความสนใจในเรื่องของคนอื่นเรื่อง
ที่ไกลจากตัวเช่น เรื่องข่าวสารการเมืองคนไทยมีความรอบรู้ ในด้านประวัติศาสตร์คน
สำคัญเมืองสำคัญของฝรั่งมากกว่าประวัติศาสตร์ของไทยเสียอีก
        ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ?
        เพราะนอกจากจะเป็นปกตินิสัยดังกล่าวแล้วคือ ความต้องการฐานะที่สังคมยอมรับ
นับถือว่าเป็นคนมีความรอบรู้ในด้านต่างประเทศ ข้อนี้พึงให้เห็นได้ง่ายๆเช่นครูสอน
ภาษาไทย หายากมากกว่าครูสอนภาษาอังกฤษเพราะคนมีความรู้สึกว่า
        "สอนภาษาอังกฤษโก้เก๋กว่า แสดงว่าเป็นผู้มีความรอบรู้อย่างแท้จริง"
        ศาสนาพุทธมีลักษณะเดียวกับภาษาไทยคือเกิดมาถึง ก็เป็นชาวพุทธกันตามสำมะโน
ครัวแล้ว คนไทยจึงเป็นชาวพุทธโดยกำเนิดกันเป็นส่วนมาก ว่านโมกันได้ตั้งแต่เป็น
เด็กๆ แต่ไม่ทราบว่า ว่าไปทำไม และหมายความว่าอย่างไร พระพุทธศาสนาจึงคุ้นเคย
กับคนไทยอย่างที่เรียกว่าเป็นคนกันเอง มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยที่เมื่อมีคนมาถาม
เรื่องพระพุทธศาสนากลับตอบไม่ได้เหมือนอะไร ?
        เหมือนเพื่อนที่เคยคุ้นเคยกันมาก เรียกชื่อเล่นกันมาจนชิน พอเอาเข้าจริงไม่ทราบ
ว่าชื่อจริงๆของเพื่อนชื่อว่าอย่างไร
        ปกตินิสัยเหล่านี้จะเห็นว่ามีทั่วไปในโลก คนอเมริกาที่สนใจทางศาสนาอาจทราบ
หลักธรรมในพระพุทธศาสนาดีกว่าคนไทยบางคนเสียอีก แต่ในขณะเดียวกันคนไทยบาง
คนอาจทราบเรื่องศาสนาคริสต์ดีกว่าพวกฝรั่งบางคน
        "เมื่อความจริงอันเป็นปกตินิสัยของคนเป็นอย่างนี้เราควรจะทำอย่างไร ?
        นอกจากเหตุผลที่กล่าวในข้อก่อนแล้วการแผยแพร่ศาสนาธรรมในปัจจุบันได้ทำกัน
อย่างกว้างขวางและจริงจังมากทีเดียว แต่ผลกลับไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน หนังสือทาง
ศาสนาพิมพ์ ๒,๐๐๐ เล่ม ขาย ๒ปี ไม่หมด ตรงกันข้ามกับหนังสือกำลังภายในของจีน
ขายได้แต่ละวันเป็นหมื่นๆเล่ม
        อะไรจะเป็นเหตุให้เกิดความแตกต่างเช่นนี้ ?
        เป็นเรื่องของจิตที่เกิดมาจากเรื่องเหล่านั้น หมกมุ่น ครุ่นคิดแต่ในเรื่องกาม กิน
นอน การไหลไปของจิตในเรื่องนั้นจึงเป็นไปได้ง่าย เพราะเป็นธรรมชาติ แต่หลักธรรม
ในศาสนาไม่เป็นอย่างนั้น คำสอนในศาสนาเป็นความจริงตามธรรมชาติ แต่ในขณะ
เดียวกัน พยายามที่จะดึงคนให้สามารถทวนกระแสธรรมชาติบางอย่าง ตลอดถึงเรียนรู้
เหตุผลหาประโยชน์จากธรรมชาติจนถึงอาจควบคุมธรรมชาติและอยู่เหนือธรรมชาติได้
ในที่สุด
        เป็นการฝืนความรู้สึกปกติของคนจนบางคน ขนาดขยาดความยากของพระพุทธ
ศาสนากลัวว่าจะถูกบังคับในด้านต่างๆ  กลัวว่าหากการศึกษาและปฏิบัติธรรมจะ
กลายเป็นคนแก่ ต้องเข้าวัดหมดสนุก จนถึงไม่รวยเป็นต้น จนถึงกับมีคำพูดในหมู่คนบาง
พวกว่า    "ไม่โกงไม่รวย อยากรวยต้องโกง"
        ความคิด คำพูดเช่นนี้เป็นการหลงประเด็นแห่งชีวิตอย่างแรง เพราะกำหนดค่าของ
ความร่ำรวยกันด้วยวัตถุเพียงประการเดียว การจะสร้างความใส่ใจ สนใจ ในพระ
พุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ อาจทำได้ด้วย การเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคม
บางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อความสนใจในธรรม และนำคนไปสู่หายนธรรมของความ
เป็นมนุษย์
        ให้การอนุเคราะห์ ส่งเสริม ยกย่อง ผู้ศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมทั้งในด้าน
วัตถุและกำลังใจ
        ให้ความหวังแก่เขาเหล่านั้นว่า ผู้ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม จะได้รับการยก
ย่อง และได้รับความสุขตามสมควรแก่การปฏิบัต
        เหล่านี้เป็นงานที่ต้องทำร่วมกันระหว่างฝ่ายบ้านเมือง สังคม ศาสนา ในด้านศาสนา
จักรโดยตรงนั้นจะต้องตระหนักถึงงานอันเป็นภาวะของตนว่า ศาสนาทายาทที่ดีนั้น
ควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ตนและประโยชน์แก่สังคมอย่างไรบ้าง โดยยึดหลักที่ว่า
        "พระสงฆ์คือหมู่ชนที่ศึกษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้าและสอนบุคคลอื่นให้ปฏิบัติตามด้วย" เป็นประการสำคัญ
        เส้นทางใดที่บุรพาจารย์ได้ประสบความสำเร็จ ในการสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ประ
ชาชนก็ให้ดำเนินการไปตามนั้นเช่น
        ทำวัดในพระพุทธศาสนาให้สมนามว่า อาราม อันแปลว่า สถานที่ทำให้สบายใจ
ด้วยการสร้างความงามเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบ สะอาด ให้เกิดขึ้นในอาราม
        สร้างบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นตัวอย่างในทางความประพฤติและมีขีด
ความสามารถในการสอนธรรม อันอาจดึงดูดคนเข้าวัด เข้าหาพระและฟังธรรมได้
        ละเว้นการกระทำในลักษณะที่ทำให้คนหลงทางด้วยอาศัยสิ่งที่เรียกว่าเป็นวัตถุ
มงคลให้น้อยลง หากจำเป็นจะต้องมีสิ่งนั้นๆ ควรแนะนำให้เขาทราบว่า ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์จะเกิดได้หากมีธรรมะ ซึ่งอาจจะสอดแทรกธรรมะเข้าไปตามควรแก่
ฐานะของบุคคล
        สร้างส่งเสริมการศึกษาของศาสนาและทำงานด้วยความเสียสละ เพื่อผลิตศาสนา
ทายาทที่มีความสามารถเหมาะสมแก่กาล สมัย สังคม ที่เปลี่ยนแปลงไปจน คนเข้าวัด
ไม่มีความรู้สึกว่า ตนต้องฟังคนที่มีความรู้น้อยกว่าตนสั่งสอน
        งานเหล่านี้พูดไปก็เหมือนความฝัน อันที่จริงนั้นผู้รับภาระของชาติ ศาสนา ตระหนัก
ถึงปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาที่ติดอยู่คือ
        "คนเป็นไม่อยากทำ ไม่มีเวลาทำ เพราะท่านเป็นกันมากจนทำไม่ไหว คนไม่ได้เป็น
อะไรก็อยากทำกัน พอเป็นเข้าจริงๆก็หมุนเข้าวัฏฏจักรแห่งชีวิตเดิม คือ ไม่ทำ ไม่อยาก
ทำ ไม่ได้ทำ ทำไม่ทัน จนถึงทำไม่เป็น"
        แต่ท่านก็อยากเป็นกัน คนประเภทนี้มีมากเสียด้วยไม่ว่าในทางบ้านเมืองหรือทาง
ศาสนาก็ตาม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนเหมือนกันก็อดจะทิ้งความเป็นคนไม่ได้
        หากคนพยายามลดความอยากเป็นให้น้อยลง พยายามทำงานอันเป็นหน้าที่ของตน
ให้มากขึ้น ด้วยการรับงานเฉพาะที่ตนทำได้ และทำได้ดีเท่านั้น อะไรๆก็คงจะดีขึ้นกว่า
นี้มากทีเดียว.

๕๑.คนบางคนไม่นับถือพระสงฆ์และยุให้ผู้อื่นไม่นับถือด้วย
กล่าวหาว่าพระสงฆ์เป็นกาฝากสังคม  กินแรงงานของสังคม
ดีแต่สอนตัวเองไม่ทำ ควรทำอย่างไร?
        จะทำอะไรละ ?
        คนเรานั้นธรรมดาเหลือเกิน หากไม่ชอบกันก็ต้องด่าว่ากัน ที่ว่ามาทั้งหมดนะไม่ค่อย
เจ็บเท่าไรหรอก แสดงว่ายังไม่ค่อยโกรธไม่พอใจมากเกินไป เคยเห็นคนเขาโกรธไม่ชอบ
กันด่ากันไหม ?
        บางครั้งผัวเมียอยู่กันมาเป็นปีๆ เวลาเกิดไม่ชอบกันโกรธกัน เขาด่ากันเจ็บแสบกว่า
ที่บอกมาเสียอีก แต่เขาก็ยังอยู่กันได้ หน้าที่ของพระนั้นท่านสอนว่า
        "อย่าไปสนใจต่อคำหยาบคายและการงานที่ทำแล้วหรือยังไม่ได้ทำของคนอื่นแต่
ให้สนใจในการงานที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของตน"
        ทุกอย่างที่ถามมาจึงเป็นปกติวิสัยของคนที่มีจิตใจลำเอียง มองปัญหาเพียงด้านใด
ด้านหนึ่ง แต่กลับตัดสินเรื่องเหล่านี้เกินกว่าที่ตนได้พบเห็น ที่พูดที่ทำไปเช่นนั้นจึงอาจ
พูดเพราะ
        "ไม่ชอบพระไม่เข้าใจความจริงหรือเพราะกลัวว่าจะไม่ทันสมัยก็ได้"
        พระพุทธศาสนานั้น ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าดำรงพระชนม์อยู่แล้วต้องประสบกับ
การต่อต้าน โจมตี กล่าวหา ใส่ความ จนถึงทำลายด้วยกำลัง เมื่อการกระทำที่เป็น
ปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นอีก หรือจักเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม
        "อย่าได้วิตกทุกข์ร้อนให้เกินพอดีเพราะนั้นเป็นเพียงธรรมดาอย่างหนึ่งเท่านั้น มันเกิด
ขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นและจะต้องดับไป เมื่อเหตุปัจจัยของการดำรงอยู่ดับไป"
        คำกล่าวหาทั้งหมดนั้นเป็นคำพูดเพราะ "ไม่ชอบกับไม่รู้" ทั้งนั้นจึงควรทำความเข้าใจ
แต่โดยย่อๆว่า
        กาฝากนั้นเกิดขึ้นที่ต้นไม้ใดแล้วจะเบียดเบียนต้นไม้นั้นจนตายไป แต่พระสงฆ์อยู่คู่
กับสังคมไทยมาเป็นเวลานานแล้ว และมีอยู่ในหลายประเทศ พระสงฆ์นอกจากจะไม่
ทำให้สังคมต้องเป็นอันตรายแล้ว ยังมีบทบาทอย่างสำคัญ ในการพัฒนาสังคมทั้งด้าน
วัตถุและจิตใจ คำว่า กาฝากสังคมเป็นภาษาทางการเมืองของพวกที่ไม่หวังดีต่อชาติ
ศาสนา คำกล่าวของคนไม่หวังดีมีอะไรให้เชื่อได้หรือ ?
        กินแรงงานสังคม ว่าที่จริงมีลักษณะอธิบาย
        คำว่ากาฝากสังคม พระสงฆ์ไม่ได้กินแรงงานสังคม แต่พระสงฆ์ก็ทำงานในหน้าที่
ของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมและให้แก่สังคม ผู้กินแรงสังคมนั้นคือผู้ที่สังคม
จะต้องเลี้ยงดูโดยส่วนเดียว แต่พระสงฆ์มีลักษณะเช่นนั้นหรือ?
        ดีแต่สอนตัวเองไม่ทำหมายความว่าอย่างไร ?
        สิ่งที่พระนำมาสอนนั้น เป็นการทำหน้าที่ของฑูตอ่านพระราชสาส์น เพราะคำสอน
เป็นของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ นำมาบอกกล่าวให้ทราบเท่านั้น พระจึงทำหน้าที่
เหมือนราชฑูตอ่านพระราชสาส์น
        ข้อว่าดีแต่สอน หากท่านทำได้ก็ควรอนุโมทนา เพราะเราหาพระที่สอนได้ดีๆยาก
มาก แม้ท่านทำได้เพียงระดับนี้ก็ควรยินดีแล้ว ข้อที่ว่าตัวเองไม่ทำนั้น เป็นการกล่าวหา
แบบไม่มีเหตุผล คนที่ทำเช่นนั้น ทำอย่างพระสอนได้ใหม? อย่ากินอาหารตอนเย็นไม่
ต้องมากหรอก เดือนละ๔ครั้งเท่านั้น รักษาศีล๕ ให้ได้ เหล่านี้พระทำได้นะ หากชาว
บ้านทำได้จากส่วนน้อยนิดที่พระสอน และทำได้ดังที่กล่าวนั้น น่าจะเป็นการพอแล้ว
สำหรับชีวิตของการครองเรือน
        เรื่องศาสนานั้นไม่ใช่นั่งดื่มเหล้าแล้วพูดเรื่องนิพพาน แต่เป็นเรื่องที่คนทุกคนจะต้อง
ตรวจสอบตนเอง แล้วปฏิบัติตนให้เหมาะสมแก่ฐานะที่ตนเป็น จึงจะได้รับผลประโยชน์
จากศาสนา
        คำกล่าวหาศาสนาในลักษณะนี้หรือลักษณะอย่างอื่น หน้าที่ของพระหรือชาวพุทธก็
ตามควรทำเพียง ไม่โกรธแค้นเมื่อเขากล่าวตำหนิ ไม่หลงดีใจเมื่อเขายกย่องสรรเสริญ เขาพูดถูกยอมรับเขา เขาเข้าใจผิดชี้แจงให้เข้าใจ  เชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
ไม่ควรหวังผลเลิศอะไรในเรื่องนี้.